รองนายกรัฐมนตรี ผู้ประจำการรัฐบาล สปป.ลาว นายสมสะหวาด เลงสะหวัด ได้เรียกร้องให้สาธารณชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคส่วนการท่องเที่ยว ภัตตาคารร้านอาหารต่างๆ ช่วยกันอนุรักษ์การปรุงอาหารพื้นเมืองของชาวลาวแท้ๆ เพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์ในด้านอาหารการกิน เช่นเดียวกันกับวัฒนธรรมและเอกลักษณ์อื่นๆ ของชาติ
"เดี๋ยวนี้รูปการไม่ค่อยดี จะไม่มีอาหารลาวแล้ว จะเป็นอาหารไทยไปหมดแล้ว" สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาวถ่ายทอดคำกล่าวส่วนหนึ่งของผู้ประจำการรัฐบาล ในการกระจายเสียงภาคเช้าวันศุกร์ (25 ส.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่ง "ผู้จัดการรายวัน" รับฟังได้ในกรุงเทพฯ
นายสมสะหวาดกล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการปราศรัยต่อการประชุมงานท่องเที่ยวทั่วประเทศครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นในนครหลวงเวียงจันทน์ และ ปิดลงในวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) หลังดำเนินมา 2 วัน โดยการเป็นประธานของ นายสมพง มงคนวิไล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ที่ประชุมได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับผลสำเร็จของการท่องเที่ยวระหว่างปี 2542-2548 และ รายงานแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแห่งชาติระยะยาว (2006-2020) รับฟังการเผยแพร่กฎหมายการท่องเที่ยว วิทยุแห่งชาติของลาวกล่าว
รองนายกรัฐมนตรีลาวได้แนะนำให้เร่งการการสร้างทรัพยากรมนุษย์ในแขนงการท่องเที่ยว ยกระดับพนักงานท่องเที่ยว ผู้จัดการโรงแรม เรือนพัก อนุรักษ์แหล่งประวัติศาสตร์ รักษาประเพณีฮีตครองการแต่งกาย การปรุงแต่งอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวลาว และ การกำหนดรายละเอียดต่างๆ ในการอำนวยความสะดวกแก่การท่องเที่ยว
นายสมสะหวาดซึ่งเป็นชาวหลวงพระบางโดยกำเนิด ได้เล่าในตอนหนึ่งว่าเคยไปรับประทานอาหารที่นั่น โดยคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี ได้ถามว่าเพราะเหตุใดจึงใส่น้ำตาลลงไปในอาหารลาว เนื่องจากไม่เคยรับประทานอาหารที่มีรสชาติเช่นนั้นมาก่อน ก็ได้รับคำตอบว่านักท่องเที่ยวจากประเทศไทยไปเที่ยว ไปรับประทานอาหารและชอบรสชาติแบบนั้น
"ข้าพเจ้าก็เลยบอกว่า นั่นแหละจะพาพวกเราพัง เพราะสุดท้ายแล้วอาหารของพวกเราก็จะกลายเป็นอาหารไทยไปหมด แต่พวกเราไม่ทราบ คือคนทั่วไปเขาก็จะบอกว่าอาหารลาวเป็นอาหารไทย และ ในที่สุดก็จะทำแต่อาหารไทยแล้วเรียกว่าอาหารลาว ท้ายที่สุดชาวต่างชาติที่รับประทานมาจากประเทศไทย แล้วมารับประทานในลาวเขาก็จะบอกว่าเหมือนกัน.. ซึ่งแย่แล้ว" นายสมสะหวาดกล่าว
รองนายกฯ ลาวยังกล่าวอีกว่า วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวลาวนั้นมีมากมาย ต่างประเทศก็ยกย่อง แต่ชาวลาวเองกลับยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นในการธำรงรักษาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์แห่งชาติ เพื่อให้ต่างชาติได้เข้ามาเที่ยวชม ที่เรียกกันว่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
รองนายกฯ ลาวได้ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ที่ไปเที่ยวชมถ้ำแห่งหนึ่งในมณฑลหยุนหนัน ฝ่ายจีนจัดแสงสีและเสียงประกอบ มีการบรรยายที่เร้าใจนักท่องเที่ยว ทำให้น่าสนใจ ในขณะที่ถ้ำของลาวก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน แต่ขาดการพัฒนา ขาดการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขาดการส่งเสริมและนำไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและคุ้มค่า
รองนายกฯ ลาวซึ่งเป็นกรมการเมืองพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ยังแนะนำให้พนักงานท่องเที่ยวยึดถือนโยบายของพรรคและรัฐอย่างเคร่งครัดในการต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยว และ เรียกร้องให้ครอบครัวประชาชนทั่วไป ทำหน้าที่ดูแลและป้องกันชาติป้องกันความสงบ ดูแลคามปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอีกด้วย
หลังการประชุมในครั้งนี้จะมีการแก้ไขหลายปัญหา รวมทั้งการปรับปรุงการจัดตั้ง ปรับปรุงระเบียบข้อกำหนดต่างๆ เพิ่มการประสานงานระหว่างศูนย์กลางและท้องถิ่น ปรับปรุงความร่วมมือภาครัฐ-ภาคธุรกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สปป.ลาวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้มากยิ่งขึ้น
ประธานองค์การท่องเที่ยวแห่งชาติกล่าวว่าเป้าหมายในอนาคตก็คือ ทำให้การท่องเที่ยวเป็นแขนงเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว ก้าวหน้าและยั่งยืน ประกอบส่วนช่วยให้ประเทศและประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน ก้าวเป็นประเทศพัฒนาในอนาคต วิทยุแห่งชาติลาวกล่าว.