กรุงเทพฯ- ทางการพม่ากำลังเร่งขยายโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า เตรียมแจกจ่ายไฟฟ้าที่ผลิตจากเขื่อนแห่งต่างๆ ทั่วประเทศ โดยร่วมกับสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศเกาหลี (Korea International Cooperation Agency - KOICA) ซึ่งเป็นการดำเนินการควบคู่ไปกับนโยบายการเร่งผลิตกระแสไฟฟ้าที่ได้ทั้งหมดจากเขื่อน
ทั้งสองฝ่ายได้เปิดประชุมขึ้นที่เมืองเนย์ปีทอ (Nay Pyi Taw) เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อปรึกษาหารือวางแผนสำหรับการพัฒนาโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าในพม่า โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานไฟฟ้า 2 กับผู้แทนจากบริษัทพลังงานไฟฟ้าเกาหลี (Korea Electric Power Corporation - KEPCO) ซึ่งจะเข้าสำรวจและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่พม่า
การปรึกษาหารือในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ได้มีการลงนามในข้อตกลงระหว่างกระทรวงพลังงานไฟฟ้า 2 และสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศเกาหลี ในเดือน เม.ย. ปีนี้ เกี่ยวกับการเตรียมการจัดการระบบ และการจัดตั้งโครงข่ายพลังงาน เพื่อปรับปรุงด้านพลังงาน ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์เมียนมาร์ไทมส์
"โครงการนี้ มีงบประมาณโดยรวมทั้งหมด 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะประกอบด้วยการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากเกาหลีด้านการดำเนินการระบบพลังงาน และการคุ้มครอง การทดลองเครื่องจักรทั่วไป การวิเคราะห์ข้อผิดพลาด ความเสียหาย การจัดเตรียมเครื่องถ่ายทอดกระแสไฟฟ้า และยานพาหนะสำหรับการออกสำรวจ" เมียนมาร์ไทมส์อ้างคำแถลงของสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศเกาหลี
โครงการนี้คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการทั้งหมด 3 ปี ซึ่งจะรวมถึงการศึกษาสภาพแวดล้อมบริเวณสายสายส่งไฟฟ้า และสถานีย่อยแห่งต่างๆ ในกรุงย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์ด้วย
ในวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีพม่า พล.อ.โซวิน สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องก่อสร้างเพิ่มเติมหรือดัดแปลงเขื่อนชลประทานที่มีอยู่หลายสิบแห่งทั่วประเทศในขณะนี้ ให้เป็นเขื่อนอเนกประสงค์สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งผลิตเครื่องปั่นไป เพื่อนำไฟติดตั้งเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขาดเล็กที่อีกจำนวนมากที่จะผุดขึ้นตามแห่งต่างๆ ทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีพม่าสั่งการดังกล่าวระหว่างการประชุมคณะกรรมการปฏิบัติงานโครงการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าแห่งรัฐ (State Electric Power Development Project Work Committee) ณ สำนักนายกรัฐมนตรี เมืองเนย์ปีทอ
พล.อ.โซ วิน กล่าวว่านอกจากโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ และขนาดกลางจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดังกล่าวแล้วนั้น ยังจะต้องมีการะพัฒนาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคพลังงานไฟฟ้าในแต่ละท้องที่ด้วย ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ของรัฐบาล
โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าดังกล่าวยังได้ครอบคลุมถึงการสร้างเขื่อนไฟฟ้าแห่งใหม่ขึ้นอีกหลายแห่ง สถานีจ่ายและสายส่งกระแสไฟฟ้า และการพัฒนาเขื่อนที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ปรับปรุงการบริการแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า รวมทั้งป้องกันและปราบปรามการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองและสูญเปล่าด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลทหารพม่า มุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแนวทางการผลิตกระแสไฟฟ้าจากการใช้พลังงานก๊าซมาเป็นการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแทน โดยต้องการให้กระแสไฟฟ้าที่ผลิตใช้ภายในประเทศทั้งหมดมาจากเขื่อนภายในปี 2573
ตามข้อมูลของกระทรวงพลังงานไฟฟ้า 2 ปัจจุบันกระแสไฟฟ้าที่ผลิตใช้ในประเทศนั้น ได้จากพลังงานความร้อนจากก๊าซคิดเป็น 48.5% จากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ 38.5% จากกังหันไอน้ำ 12.5% และจากน้ำมันดีเซลยังเหลืออยู่อีกเพียง 0.5% และภายในปี 2573 รัฐบาลมีนโยบายจะให้การผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศได้จากเขื่อน 100%
ตามรายงานของนิตยสารข่าวเมียนมาร์ไทมส์ กระทรวงพลังงานไฟฟ้าพม่าคาดว่า ภายในปี 2573 เขื่อนทุกแห่งในประเทศจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 23,300 เมกกะวัตต์.