ผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเวียดนามสามารถหาซื้อได้เกือบจะทุกอย่างที่เกสต์เฮาส์ หรือโรงแรมที่พัก ยกเว้นเพียงสิ่งเดียว คือ ถุงยางอนามัย ที่ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือส่งเสริมการค้าประเวณี และส่งเสริมให้เยาวชนมีเพศสัมพันธ์กันง่ายขึ้น ก่อนวัยอันสมควร
แต่ในตอนนี้ความเชื่อได้เปลี่ยนไปแบบตรงข้าม
ทางการเวียดนามเพิ่งยอมรับว่า.. ถุงยางอนามัยเป็นเครื่องป้องกันเมื่อไม่มีใช้ผู้คนก็มีเซ็กซ์กันแบบสดๆ แบบไม่ต้องป้องกัน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้โรคติดต่อทางเพศแพร่ลามได้เร็วขึ้น ทำให้เกิดกรณีท้องก่อนแต่ง เยาวชนต้องหันไปทำแท้งคลินิกเถื่อน เช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
องค์กรเอกชนกลุ่มรณรงค์ “เซ็กซ์สวมหมวก” ได้ต่อสู้เรื่องนี้มาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยตามสถานบริการต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายป้องกันโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเอชไอวี-เอดส์ (HIV-AIDS)
กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า ซึ่งโรงแรมแห่งต่างๆ ตั้งแต่ระดับ 5 ดาว จนถึงเกสต์เฮาส์ และม่านรูด จะสามารถจำหน่ายอุปกรณ์คุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อชนิดนี้ได้
แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ทางการได้จัดโครงการนำร่องขึ้นในในเขต 2 นิคม ในเขตลองเบียน (Long Bien) ของกรุงฮานอย เพื่อดูว่าเมื่อให้โรงแรมจำหน่ายถุงยางอนามัยได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อจะได้เก็บตัวเลขสำคัญๆ รวมทั้งดูผลข้างเคียงที่จะติดตามมาเพื่อจะสามารถหาทางป้องกันได้ถูกต้องเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้
ทางการเวียดนามยังเกรงว่าจะเกิดผลกระทบทางสังคมอย่างสูง เช่น เยาวชนคนหนุ่มสาว นักเรียนนักศึกษาอาจจะแอบเข้าไปดู๋ดี๋กันในสถานประกอบการเหล่านั้นมากขึ้น หรือ มีการค้าประเวณีแพร่หลายยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับอาชญากรรมทางเพศ
ถุงยางอนามัยเป็นสิ่งต้องห้ามมาโดยในสถานประกอบการประเภทนี้ ขณะที่ทางการหาทางกำจัดการค้าประเวณี ที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามถือเป็นหนึ่งใน “ความชั่วร้ายทางสังคม” (Social Evil) และถุงยางอนามัยสามารถใช้เป็นหลักฐานเล่นงานเจ้าของสถานประกอบการต่างๆ ได้
ตามแผนการนำร่องนี้ถุงยางอนามัยจะมีจำหน่ายตามที่พักประเภทโรงแรมต่างๆ ในเขต 2 นิคม โดยกลุ่มรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ 2-3 กลุ่ม ในราคามิตรภาพ
นายหุ่ง (Hung) สมาชิกกลุ่ม “เพื่ออนาคตที่สดใส” กล่าวว่า เขารณรงค์เรื่องนี้มาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนแอบนำถุงยางอนามัยหลบๆ ซ่อนๆ เข้าไปแจกตามโรงแรมและเกสต์เฮาส์ในเขตลองเบียน มีแต่คนตะเพิด เพราะผู้ประกอบการระมัดระวังเรื่องนี้มาก แค่ตอนนี้มีแต่คนกวักมือเรียก..
หุ่ง กล่าวว่า ถึงแม้ตามโรงแรมจะไม่มีถุงยางอนามัยจำหน่าย แต่คู่หนุ่มสาวก็สามารถหาซื้อตามร้านค้าประเภทอื่นๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางการได้อนุญาตให้จำหน่ายถุงยางอามัยให้แก่โรงแรมประมาณ 20 แห่งที่อยู่ในพื้นที่ภายใต้โครงการนำร่องเท่านั้น โรงแรมในเขตใกล้เคียงยังไม่กล้าซื้อ หรือไม่ก็อาจจะซื้อแบบเหนียมๆ แต่เมื่อกฎหมายต่อต้านโรคเอดส์มีผลบังคับใช้ทุกอย่างก็คงจะเปลี่ยนไป
ตอนนี้ทางการเวียดนามตลอดจนประชามติในสังคมต่างให้การสนับสนุนโครงการจำหน่ายถุงยางอนามัยในโรงแรม เพราะตระหนักแล้วว่าเป็นเครื่องมือต่อต้านโรคเอดส์ที่ได้ผล ซึ่งที่ผ่านมาโรคร้ายนี้คร่าชีวิตชาวเวียดนามไปแล้วกว่า 10,000 คน และมีผู้ป่วยที่ติดเชื้ออีกเกือบ 100,000 คน
ถึงแม้จะยังมีบางเสียงกล่าวว่า การมีถุงยางอนามัยไว้บริการตามโรงแรม ถือเป็นการยอมรับว่ามีการค้าประเวณี แต่เจ้าของสถานประกอบการหลายรายยืนยันว่าการไม่ให้จำหน่ายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยในการป้องกันคนมีสัมพันธ์ทางเพศ แต่กลับเป็นการบีบบังคับให้ผู้คนมีเซ็กซ์กัน “โดยไม่ใส่หมวก”
กลุ่มรณรงค์กล่าวว่า นั่นคือความหายนะ