เอเอฟพี - จากการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เวียดนามได้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 12 จาก 178 ประเทศทั่วโลก นับว่าเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในเอเชีย โดยผลการศึกษาดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ออกมาในวันพุธ (12 ก.ค.) ที่ผ่านมา วัดจากระดับความรู้สึกและผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของประชากรในประเทศ
ดัชนีชี้วัดดังกล่าว เป็นการคำนวนรวมกันระหว่างความพึงพอใจในชีวิต จำนวนอายุโดยเฉลี่ย และปริมาณที่ดินที่มีเพื่อรองรับจำนวนประชากร รวมถึงการบริโภค
ส่วนประเทศที่อยู่อันดับที่ 1 ของดัชนีความสุขนี้ คือ ประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ประเทศวานูอาตู (Vanuatu) ครองแชมป์เป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในการจัดอันดับความสุขของโลก ซึ่งจัดทำขึ้นโดยมูลนิธินิวอีโคโนมิกส์ ของอังกฤษโดยประเทศโคลัมเบีย คอสตาริกา โดมินิกัน และปานามา จัดอยู่ใน 5 อันดับแรก
ส่วนประเทศในเอเชียที่มีความสุขน้อยที่สุด คือ ประเทศสิงคโปร์ โดยรั้งอันดับที่ 131 ส่วนประเทศฟิลิปปินส์ อยู่ในอันดับที่ 17 , อินโดนีเซีย อันดับที่ 23 , จีน อันดับที่ 31, ไทย อันดับที่ 32 และประเทศมาเลเซีย อันดับที่ 44
ส่วนใหญ่ประเทศที่เป็นหมู่เกาะจะจัดอยู่ในอันดับของประเทศที่มีความสุขระดับสูง โดยที่ประเทศวานูอาตู ที่มีประชากรอยู่ราว 200,000 คน จัดอันดับอยู่เหนือประเทศหมู่เกาะอื่นๆทั้งหมด
"ประชาชนในประเทศต่างรู้สึกมีความสุข เพราะพวกเขามีความพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ เราไม่ใช่สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภค แต่ชีวิตที่นี่ อยู่กันอย่างครอบครัว ชุมชน และแสดงความมีไมตรีจิตต่อกัน เป็นที่ที่คุณไม่ต้องมีความกังวลมากนัก แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เรากังวลคือ ไซโคลน กับแผ่นดินไหว" นายมาร์ค โลว์น (Marke Lowen) จากวานูอาตูออนไลน์ กล่าว
ประเทศซิมบับเว เป็นประเทศท้ายตารางที่อันดับ 178 ต่ำกว่าประเทศซวาซิแลนด์ บุรุนดี สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และ ยูเครน
ส่วนผู้นำของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมอันทรงพลังทั้ง 8 ประเทศ ซึ่งมีกำหนดการเข้าร่วมประชุมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กในสัปดาห์นี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาดูจะไม่ค่อยยิ้มกันเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยพอใจกับดัชนีชี้ความสุขนี้ ที่ผลปรากฎอันดับออกมาให้ประเทศอิตาลี อยู่ในอันดับที่ 66 , เยอรมนี อันดับที่ 81 , ญี่ปุ่น อันดับที่ 95 , สหราชอาณาจักร อันดับที่ 108 , แคนาดาอันดับที่ 111, ฝรั่งเศส อันดับที่ 129 , สหรัฐฯ อันดับที่ 150 และรัสเซีย อันดับที่ 172
นายแอนดรูว์ ซิมส์ (Andrew Simms) ผู้อำนวยการด้านนโยบายของมูลนิธิ กล่าวว่า ดัชนีดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของประเทศต่างๆที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ในการมอบสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีต่อประชากรของตน ในขณะเดียวกันก็เคารพต่อแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ที่ทุกชีวิตในชาตินั้นต้องอาศัย"
นิค มาร์คส์ หัวหน้าศูนย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เป็นที่ชัดเจนว่าไม่มีประเทศไหนในรายชื่อของดัชนีชี้วัดความสุขบนโลก จะมีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง และยังแสดงให้เห็นว่าทำอย่างไร เราถึงจะมีอายุยืนยาวและมีความสุข ในขณะที่อาศัยอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม"