xs
xsm
sm
md
lg

เมืองหลวงเก่านาม 'หงสาวดี' ไปเมื่อไรก็ยังดูสวยงาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



พะโค หรือที่อีกชื่อหนึ่งที่คุ้นเคยมากกว่าคือ "หงสาวดี" นั้น เป็นเมืองปลายทางการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในพม่า ที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ในฐานะเมืองหลวงของราชอาณาจักรพม่าโบราณ ที่ได้ทิ้งร่องรอยแห่งอารยธรรมอันงดงามไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ภาคภูมิใจ

จากการที่แหล่งโบราณสถานดังกล่าวตั้งอยู่ห่างไกลชุมชน ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ 90 กม.ห่าง และแยกตัวออกจากตัวเมือง ยิ่งเป็นปัจจัยทำให้สภาพความสวยงามทางวัฒนธรรมยังคงถูกเก็บรักษาไว้ได้เป็นอย่างดี

ตามตำนานในพงศาวดาร กล่าวว่า ในปี ค.ศ.573 มีเจ้าชายชนชาติมอญ 2 พระองค์ ทอดพระเนตรเห็นหงส์ตัวเมียเกาะอยู่บนหงส์ตัวผู้กลางทะเลสาบแห่งหนึ่ง และตระหนักว่าภาพที่ปรากฎดังกล่าวนี้เป็นนิมิตที่ดี จึงได้สถาปนาราชธานีขึ้นบนพื้นที่นั้นและขนานนามเมืองแห่งนั้นว่า "เมืองหงสาวดี" หรือเมืองพะโค ในปัจจุบัน โดยใช้หงส์สองตัวนั้นเป็นสัญลักษณ์ตราบจนทุกวันนี้

ต่อมาพวกพม่า (Bamar) ก็ได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือเมืองหงสาวดีในปี พ.ศ.2082 และพัฒนาเมืองให้กลายเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรือง หลังจากนั้นก็กลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของชนชาติมอญอีกครั้ง แต่ในปี พ.ศ. 2300เมืองพะโคก็ต้องถูกรุกรานทำลายในสมัยของพระเจ้าอลองพญา (King Alaungpaya)

ต่อมาในสมัยของพระเจ้าปดุงซึ่งครองราชย์ระหว่างปี 2325 - 2362 (สมัยรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี) เมืองพะโคก็ได้รับการสถาปนาก่อสร้างขึ้นใหม่ แต่ถึงกระนั้นเมืองพะโคก็ยังถูกเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพม่าทำลายเมืองเสียหายมากตั้งแต่นั้นมาก็มีการบูรณะ ซ่อมแซม ปรับปรุงอยู่หลายครั้งหลายครา

ทุกวันนี้เมืองพะโคมีชื่อเสียงมากในฐานะที่เป็นเมืองทางศาสนา อาทิเช่น พระนอนชเวตาลยอง (Shwethalyaung Buddha) และชเวมอดอ (Shwemawdaw Pagoda) หรือ พระธาตุมุเตา ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี พระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง (King Bayinnaung’s Kanbawzathadi Palace) ที่สร้างขึ้นมาใหม่ พิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมพระพุทธรูปโบราณ รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยโบราณด้วย

เมืองพะโคตั้งอยู่บนถนนสายหลักย่างกุ้ง - มัณฑะเลย์ สองข้างทางเต็มไปด้วยภาพความเขียวชอุ่มของท้องไร่ท้องนาอันกว้างใหญ่ไพศาลในเขตชนบทของพม่า โดยตลอดระยะเวลาของการเดินทางสิ่งที่พบเห็นอยู่เป็นปกติขณะนั่งรถผ่านไป ก็คือ บ่อโคลน กระท่อมหลังคามุงจาก วัดวาอาราม รวมทั้งร้านขายเครื่องปั้นดินเผาริมทาง ยิ่งเป็นสิ่งที่ช่วยแต่งเติมการเดินทางให้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น.

เมื่อเดินทางถึงเมืองพะโคแล้วภาระกิจแรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนคงต้องดำเนินการก็คือ การหาที่พัก และเป็นที่น่าเสียดายว่าในเมืองพะโคยังคงขาดแคลนสถานที่พักที่มีคุณภาพ ที่พักที่ดีที่สุดในเมืองคือ โรงแรมชเววาทุน (Shwewatun Hotel) ซึ่งมีรัฐบาลเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินกิจการ

อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ โรงแรมพะโคสตาร์ (Bago Star Hotel) บนถนนเจดีย์ไจกโปง (Kyaikpon Pagoda Road) ที่ดำเนินการโดยเอกชน มีลักษณะเป็นห้องบังกะโล และมีสระว่ายน้ำขนาดเล็ก ที่พักทั้งสองแห่งที่กล่าวมานี้คิดรวมอัตราค่าบริการอย่างสมเหตุสมผล

ภายหลังจากได้ห้องพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลาแห่งการท่องเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ของเมืองราชธานีโบราณแห่งนี้ก็เริ่มขึ้น โดยสามารถเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ได้อย่างสบายอารมณ์โดยรอบ "มหาเจดีย์" (Mahazedi Pagoda) ทางด้านทิศตะวันตกของเมือง ก็มีโบราณสถานที่สำคัญได้แก่ เจดีย์ชเวกุกะเล (Shwegugale) ที่มีซากของเจดีย์โบราณฝังไว้เป็นฐานถึง 64 ยอด

เจดีย์โกเต็งโกตาน (Kotheinkothan Pagoda) ซึ่งมีรูปปั้นแกะสลักเป็นรูปสัตว์ตั้งเป็นแถวเรียงรายอย่างสวยงาม และเจดีย์มหาจี (Mahagyi Pagoda) ห่างออกไปอีกประมาณ 2 กม. ก็เป็นเจดีย์อุกคะยุทธลุต (Akyutahlut Pagoda) ซึ่งเมื่อขึ้นไปยืนบนหลังคา ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ทำให้เห็นทิวทัศน์รอบเมืองได้อย่างชัดเจน

นอกจากความยิ่งใหญ่อลังการของเจดีย์ทางพระพุทธศาสนาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากแล้วนั้น ในเมืองพะโคยังมีโบสถ์จีน และฮินดูด้วย แห่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือที่ โรงเรียนสอนศาสนาเซนต์โจเซฟ (St Joseph) บนถนนตะนัตพิน (Thanatpin Road) ที่สร้างขึ้นในปี 2475 ซึ่งจากคำบอกเล่าของบาทหลวงไซมอนทินหม่อง (Father Simon Tin Maung) ทำให้รู้ว่าที่ดินรอบๆ โบสถ์แห่งนี้นั้นได้รับการพระราชทานจากองค์พระมหากษตริย์พม่าในสมัยนั้น

สิ่งที่สร้างชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองพะโคอีกอย่างหนึ่งก็คือ งานไม้แกะสลัก เพราะทุกบริเวณประตูทางเข้าเจดีย์ จะถูกรายล้อมไปด้วยร้านขายของที่ระลึก และหาบเร่จำนวนมากเชื้อชวนให้เข้าไปเลือกซื้อสินค้า ซึ่งบางรายการนั้นถูกนำเป็นสินค้าส่งออก และส่วนใหญ่ได้มีการจัดแสดงขั้นตอนการทำงานของช่างฝีมือที่ประณีต รวมทั้งมีลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นด้วย

ระหว่างการเดินทางไปเจดีย์ไจกโปง (Kyaikpon Pagoda) ซึ่งมีพระพุทธรูปปางสมาธิสี่องค์ความสูงประมาณ 30 เมตร นั่งหันหลังชนกันนั้น จะมีห้องแสดงงานศิลปะที่ชื่อว่า "คัลเลอร์ออฟเมียนมาร์อาร์ทเซ็นเตอร์" (Colours of Myanmar Art Centre) ที่มีภาพเขียนมากกว่า 200 ชิ้นมาจัดแสดงไว้ในห้องเพดานสูงโอ่โถง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานของศิลินรุ่นเก่า และราคาก็ค่อนข้างแพง แต่มันก็ช่วยสรรสร้างให้เกิดความเพลิดเพลินในการเที่ยวชมเจดีย์ต่างๆ ในเมืองพะโคมากยิ่งขึ้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น