ทีมงานใช้เวลาช่วงวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหา “สาวน้อยมหัศจรรย์” โสก เสร็ย เนียง (Sok Srey Neang) ป็อปสตาร์จากกรุงพนมเปญ และในที่สุดก็ได้เจอะเจอตัวเป็นๆ ของเธอในตอนบ่ายคล้อยวันจันทร์ (5 มิ.ย.) ที่ย่านสยามสแควร์
ผิดคาดมาก หะแรกนึกว่าจะได้เจอสาวมัธยมขี้อาย แต่เปล่าเลย เสร็ยเนียงตอบคำถามต่างๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำทุกถ้อยกระทง ผ่าน “กิมเฮ็ง” (Kim Heng) ล่ามจำเป็นจากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ย่านหนองแขม
“ได้รับการต้อนรับอบอุ่นดีมาก มีแฟนๆ เข้ามาทักเยอะแยะ แฟนๆ ชาวกัมพูชาจำได้ ยังมีแฟนๆ ชาวลาว ชาวพม่าอีก ดีใจมาก รู้สึกเป็นเกียรติมากคะ ที่ได้มาแสดงในประเทศไทย...” สาวน้อยพรั่งพรูคำตอบออกมา ชนิดล่ามแปลไม่ทัน
เสร็ยเนียงพูดถึงการแสดงคนเสิร์ต “รวมแรงรวมใจเพื่อคนไกลบ้าน” ที่เอ็มซีซีฮอลล์ ห้างเดอะมอลล์ บางแค ในบ่ายวันอาทิตย์ (4 มิ.ย.) ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตนอกประเทศกัมพูชาครั้งแรกของเธอ
วันนั้นป็อปสตาร์สาวชาวขะแมร์โชว์ 4 เพลงรวด ทั้งร้องทั้งเต้นประชันกับนักร้องรุ่นพี่จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวคนหนึ่ง กับศิลปินนักร้องรุ่นเดอะจากสหภาพพม่าอีกคน นี่ยังไม่ได้นับศิลปินนักร้องเจ้าถิ่นอีกหลายคน ซึ่งล้วนเป็นนักร้อง (ที่ทำให้ค่ายเพลงรวย) ระดับ 100 ล้านกันทั้งนั้น
ปรากฏว่าเวลาบ่ายวันนั้น เอ็มซีซีฮอลล์แน่นขนัดต้องยืนหายใจรดต้นคอกัน เนื่องจากแฟนเพลงกว่า 5,000 แห่ไปรอ และส่วนใหญ่ก็เป็น “คนไกลบ้าน” ตามเจตนารมณ์ของผู้จัดคือ กรมการจัดหางาน กับกรมประชาสัมพันธ์
“วันที่ 7 (มิ.ย.) ต้องแสดงคอนเสิร์ตในพนมเปญอีกค่ะ” เสร็ยเนียง เล่าให้เราฟังแบบติดจรวด เพราะใกล้จะถึงเวลาต้องออกจากโรงแรมที่พักไปท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อกลับบ้านแล้ว
เรียกว่ากลับถึงกรุงพนมเปญปั๊บ ต้องรีบนอนพักให้หายเหนื่อย เพียงวันเดียวรุ่งขึ้น คือวันพุธนี้ ก็จะต้องออกแรงอีก ทั้งเต้นทั้งร้อง คราวนี้เป็นคอนเสิร์ตทางโทรทัศน์ แบบ “7 สีคอนเสิร์ต” อะไรประมาณนั้น
เกิดที่ จ.กันดาล ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงพนมเปญ ตอนนี้อายุยังไม่ครบ 18 กำลังเรียนชั้น ม.5 (เกรด 11) ที่โรงเรียนมัธยมชั้นนำแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สาวน้อยเสร็ยเนียงมีพลังเหลือเฟือสำหรับสร้างความสุขให้แก่แฟนๆ
ไม่อยากจะเชื่อ... อายุแค่เนียะ ตัวก็แค่เนียะ.. ร้องเพลงของตัวเองกว่า 60 เพลงแล้ว ออกวีซีดีคาราโอเกะมา 3 อัลบั้ม.. ผู้จัดการของเคเอชโปรโมชั่น (KH Promotion) ค่ายเพลงที่เสร็ยเนียงสังกัดบอกกับเราว่า อัลบั้มใหม่กำลังจะออกมาอีก
เธอบอกว่าถึงวันนี้ ร้องเพลงจนหลับตาร้องได้ เพราะร้องบ่อยเหลือเกิน ออกคอนเสิร์ตอาทิตย์ละตั้ง 2-3 ครั้ง ที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง ต้องลาโรงเรียนเป็นว่าเล่น ทำไงได้เมื่อน้ำขึ้นใครๆ ก็ต้องรีบหาตุ่มใบใหญ่ๆ มาใส่เอาไว้
เชื่อไหม... ป็อปสตาร์สาวน้อยเข้าสู่วงการนี้แบบฟลุกๆ
เธอเล่าว่า วันหนึ่ง.. 2 ปีมาแล้ว กำลังเรียนชั้น ม.3 ได้ไปที่กองถ่ายกับพี่สาว.. โสก เสร็ย นา (Sok Srey Na) ซึ่งเป็นดาราภาพยนตร์มิวสิกวิดีโอที่มีชื่อเสียงในกัมพูชา ผู้กำกับหนังตาแหลมเห็นแววในตัวเด็กสาวตาคมคนนี้ ก็เลยนัดไปเทสต์เสียง เทสต์หน้ากล้อง ประกายในตัวของเธอก็ฉายออกมาให้เห็น
เท่านั้นแหละ.. เคเอชโปรโมชั่นออกแรงโปรโมตอีกนิดหน่อย ปี 2547 อัลบั้มแรกของเธอขายเกลี้ยงแผง
จากนั้นมาเสร็ยเนียงก็พุ่งโด่ง จนผลุบเข้าไปในกลีบเมฆ กู่ยังไงก็ไม่กลับลงมา ทั้งเก่งทั้งสวย ถึงวันนี้กลายเป็นเศรษฐีนีรุ่นจิ๋วไปแล้ว
“อายุก็เท่านี้ มีเงินตั้งเยอะแยะ เอาไปเก็บไว้ที่ไหน?” นักข่าวของเรายิงคำถามแบบจิกๆ ด้วยริษยาตาร้อนอย่างช่วยไม่ได้
“ก็ยังมีไม่มากหรอกค่ะ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไปค่ะ” สาวน้อยตอบคำถามชัดถ้อยชัดคำ แต่ผู้สื่อข่าวของเราไม่ได้คำตอบอะไรเลย เพราะงงไม่หาย
เมื่อถามว่ากรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ในมโนภาพของเธอเป็นอย่างไร ก่อนจะได้มาเห็นของจริง..
เสร็ยเนียงบอกว่า “ไม่ผิดหวังค่ะ” เคยเห็นในรูปภาพ ในหนังผ่านทางเคเบิลทีวี.. “กรุงเทพฯ น่าจะสวย เป็นเมืองที่น่าอยู่และเจริญ พอมาเห็นก็เหมือนที่คิดเอาไว้”
เสร็ยเนียงบอกว่า เธอเองเป็นแฟนตัวฉกาจของน้าเบิร์ด “ธงไชย แมคอินไตย์” กับพี่ อมิตา ทาทายัง ที่โกอินเตอร์เข้ากลีบเมฆไปแล้ว.. ฟังเพลงของพี่ๆ ได้ทุกเพลงเลย แม้จะไม่รู้ความหมายก็ตาม
“สาวน้อยมหัศจรรย์” ก็เป็นฉายาที่สื่อพากันตั้งให้กับพี่ทาทายัง ตอนที่เธอยังอาโนเนะ เมื่อครั้งเข้าสู่วงการใหม่ๆ แต่เป็นสาวน้อยที่หลากหลายความสามารถ
เสร็ยเนียงกับผู้จัดการ 1 คน และพี่เลี้ยงอีก 1 คน ได้อยู่กรุงเทพฯ เพียง 3 วันเท่านั้น แต่เธอได้เรียนรู้อะไรต่างๆ เยอะแยะไปหมด เรียกว่าใช้เวลาให้คุ้ม
เนื่องจากเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย สาวน้อยก็เลยได้ออกจากโรงแรมไปเที่ยวชิมโน่นกินนี่เยอะแยะไปหมด บางอย่างก็อร่อยเอามากๆ บางชนิดก็พอรับประทานได้ บางอย่างก็งั้นๆ
“ก็เหมือนกับอาหารเขมร กินได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่อร่อยหมดทุกอย่างค่ะ” เธอตอบแบบไม่ให้บัวช้ำน้ำขุ่น
เสร็ยเนียงได้ไปเที่ยวชมร้านค้าและห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ซึ่งมีสินค้าให้จับจ่ายเกือบจะทุกชนิดต่างไปจากกรุงพนมเปญของเธออย่างลิบลับ
เธอได้พบเห็นเพื่อนๆ วัยเรียนแต่งตัวกันแบบเฉิดฉาย สไตล์เกาหลีบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง ในศูนย์การค้าต่างๆ.. ซึ่งต่างไปจากเธอกับเพื่อนๆ ในกรุงพนมเปญที่ยังสวมชุดนักเรียน และไปไหนมาไหนก็ยังต้องสวมกระโปรงยาว หรือไม่ก็นุ่งซิ่น
“เด็กๆ อย่างพวกหนูยังต้องสวมผ้าซิ่นกันค่ะ ทั้งอยู่ที่บ้านและออกจากบ้าน การแต่งกายแบบวัฒนธรรมขะแมร์ยังได้รับการรักษาเอาไว้อยู่” เธอบอกกับเราแบบยิ้มๆ เพราะบ่ายวันนั้นเธออยู่ในชุดยีนส์ เสื้อเอวลอย.. รองเท้าผ้าใบสีแดงแปร๊ดอีกต่างหาก
“เมื่อขึ้นเวทีหรือเดินทางไปแสดงก็มีข้อยกเว้นค่ะ..” เธอออกข้างทางไปดื้อๆ เลย
เป็นอันว่า สาวน้อยตาคมจากแดนพญากัมพุช หลงใหลได้ปลื้มกับกรุงเทพมหานครเอามากๆ เธอบอกว่ามาครั้งนี้มีความสุขและสนุกมาก ได้รับการต้อนรับอย่างดีทั้งจากเจ้าภาพและจากมิตรรักแฟนเพลงในวันที่ไปเล่นคอนเสิร์ต อยากกลับมาอีก และยินดีมากเลยหากได้รับเชิญมาร้องเพลงที่นี่อีกครั้ง
วันนี้พบกับเธอในฐานะศิลปินเพลงที่กำลังรุ่งโรจน์ โอกาสหน้าเราอาจจะพบกับเธอในฐานะดาราจอเงินก็ได้ สาวน้อยเสร็ยเนียงบอกว่าตอนนี้มีผู้กำกับหลายคนหยิบยื่นงานแสดงทั้งละครทีวีและหนังใหญ่ให้ เธอกำลังพิจารณาอย่างหนักเพราะยังเรียนอยู่
ที่ผ่านมาก็ทั้งลาทั้งขาดเพราะต้องขึ้นเวทีบ่อยมาก ถ้าหากเอาดีทางหนังทางละครอีก คงไม่พ้นคุณครูพากันปิดโรงเรียนหนีเป็นแน่.. ประโยคนี้นักข่าวของเราสรุปเอง..