ทางการใน จ.ดั๊กลัก (Dac Lac) ของเวียดนามกำลังวิตกว่า อีกไม่นานช้างทุกตัวที่นั่นอาจตกอยู่ในสภาพ "หางโล้น" คือ ไม่มีขนหางเหลืออีกแล้ว เนื่องจากขนหางช้างกำลังเป็นของที่ระลึกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมาก บางแห่งเริ่มตัดขายกันทั้งขนทั้งปลายหางแล้ว
ในแต่ละวันห้างร้านต่างๆ ที่จังหวัดที่ราบสูงภาคกลางแห่งนี้ จะขายขนหางช้างให้กับนักท่องเที่ยวหลายร้อยเส้น ซึ่งผลที่ติดตามมาก็คือ ช้างหลายตัวเริ่มไม่มีขนหาง วันข้างหน้าอาจจะกลายเป็ช้างไม่มีปลายหาง
หางจากขนของช้างเป็นสินค้าอิงประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เนื่องจากชาวจีนโบราณจะพกขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอ นัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ ในยามที่ต้องเดินทางไกล ชาวจีนโบราณเชื่ออีกว่าชนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้ภัยพิบัติต่างๆ ล่วงหน้าด้วยญาณสัมผัสที่ 6 และป้องกันมิให้มันเกิดขึ้นได้
สำหรับชาวเหมอะโหน่ง (M' Nong) ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยในเขตภาคกลางเวียดนามเชื่อว่า ขนหางช้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความภักดี หนุ่มๆ สาวๆ มักจะมอบสิ่งนี้ให้แก่กัน เป็นการแสดงออกซึ่งความรัก
ก่อนหน้านี้ขนหางช้างเส้นหนึ่งซื้อขายกันในราคา 5,000 ด่ง (ราว 12 บาท) แต่ในตอนนี้ขนหางเส้นขนาดความยาว 10 เซนติเมตร จะมีราคาถึง 100,000 ด่ง (ราว 240 บาท) ยิ่งถ้าหากเป็นขนของช้างเผือก ราคาจะเพิ่มเป็น 2 เท่าตัวทีเดียว
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับของที่ระลึกชิ้นนี้ พ่อค้าหัวใสในเวียดนามก็เลยนำขนช้างไปประดับกับแหวนสวมนิ้ว แหวนทองวงเล็กๆ โล้นๆ อาจจะมีราคาเพียงวงละ 300,000 ด่ง แต่เมื่อถักร้อยขนหางช้างเข้าไปด้วยเส้นหนึ่ง ราคาก็จะพุ่งขึ้นเป็น 500,000 ด่ง เช่นนี้เป็นต้น
ช้างที่หมู่บ้านช้างของ จ.ดั๊กลัก ในปัจจุบันไม่สามารถงอกขนที่หางให้ทันกับความต้องการอันพิสดารของตลาด ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยจึงพากันบ่ายหน้าเข้าถอนขนหางในกัมพูชาและลาว บางรายลงทุนขนาด "ซื้อทั้งหาง" ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง
อย่างไรก็ตาม เมื่อช้างเริ่มไม่มีขนหางก็มักจะเกิดอาการประหลาดบางอย่างติดตามมาด้วย
"เมื่อช้างของผมไม่มีหาง ก็ปรากฏว่ามันฉลาดน้อยลง" นายตุ๊ก ชาวเหมอะโหน่งที่หมู่บ้านช้างกล่าวถึงช้างพลายแสนรู้ของเขาที่ถูกถอนขนหางส่งขาย.