xs
xsm
sm
md
lg

ทูตลาวเตือนแรง 'หมากเตะ' ถอย! เจ๊ง 60 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สละสิทธิ์ไปบอลโลก - แผ่นป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ไทยเรื่อง "หมากเตะโลกตะลึง" ที่มีกำหนดเริ่มออกฉายในวันพฤหัสบดี (18 พ.ค.) นี้ แต่หลังจากเห็นว่าเรื่องราวในภาพยนตร์อาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บริษัทผู้สร้างจึงยินยอมเลื่อนวันฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ผู้จัดการรายวัน- ผู้บริหารบริษัทจีเอ็มเอ็มไทยฮับ (GMM Thai Hub) จำกัด ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "หมากเตะโลกตะลึง" ได้ยอมเลื่อนการฉายออกไป หลังจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ขอให้มีแก้ไขโดยไม่ให้ประเทศลาวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตอนหนึ่งตอนใดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งผู้บริหารของ GTH กล่าวว่าอาจจะเป็นการเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด และหมายถึงการขาดทุนประมาณ 60 ล้านบาท

เอกอัครราชทูตลาวนายเหียม พมมะจัน ได้บอกกับนายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานคณะกรรมการบริหารของ GTH ว่า บริษัทควรจะพิจารณาให้ดีระหว่างประโยชน์ทางธุรกิจกับความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ของทางการลาวผู้หนึ่งกล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ในวันจันทร์ (15 พ.ค.) ที่ผ่านมา

นายวิสูตรได้นำผู้บริหารและทีมผู้สร้างผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว พร้อมกระเช้าดอกไม้เข้าพบหารือกับเอกอัครราชทูต สปป.ลาว เป็นเวลาประมาณ 30 นาที ณ สถานเอกอัครราชทูต ซึ่งฝ่ายผู้สร้างภาพยนตร์ได้กล่าวขอโทษและขอแสดงความเสียใจที่ภาพยนตร์ "หมากเตะโลกตะลึง" ได้สร้างผลสะเทือนติดตามมาอย่างมากมาย โดยที่ผู้สร้างมิได้มีเจตนาที่จะดูหมิ่นประชาชนลาว

ความเคลื่อนไหวของ GTH มีขึ้นในขณะที่การประท้วงจากฝ่ายลาวเริ่มก่อตัวขึ้นจนหลายฝ่ายวิตกว่า หากภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ตามกำหนดในวันพฤหัสบดี (18 พ.ค.) นี้ อาจจะทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ในขณะที่สื่อมวลชนของทางการลาวเองก็กำลังเคลื่อนไหวกันคึกคักเพื่อหาทางตอบโต้

เจ้าหน้าที่สถานทูตลาวที่ไม่ประสงค์จะให้ระบุชื่อ กล่าวว่านับตั้งแต่ภาพยนตร์ตัวอย่างถูกนำออกโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานทูตได้รับโทรศัพท์จากนักศึกษาและประชาชนลาวในนครหลวงเวียงจันทน์เป็นจำนวนมาก แสดงความไม่พอใจต่อเนื้อหาของภาพยนตร์ สถานทูตได้รับโทรศัพท์เพิ่มมากขึ้นในวันจันทร์ หลังจากโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ได้เริ่มนำตัวอย่างออกฉายอีกช่องหนึ่งในวันอาทิตย์ (14 พ.ค.) ที่ผ่านมา

"ท่านทูตได้แสดงความเป็นห่วงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้แนะนำให้บริษัทฯ ทำการแก้ไข เนื่องจากภาพยนตร์มิได้สะท้อนความเป็นจริงเกี่ยวกับลาวและประชาชนลาว หรือทีมฟุตบอลลาว ขอให้บริษัทฯ พิจารณาประเด็นผลประโยชน์ทางธุรกิจกับผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-ลาวที่ดีอยู่แล้ว" เจ้าหน้าที่ของลาวกล่าว

อย่างไรก็ตามฝ่ายลาวมิได้เสนอวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ก็ยืนยันว่าจะต้องยุติการนำภาพยนตร์ออกฉายตามกำหนดเดิมในสัปดาห์นี้ และให้ทำการแก้ไขไม่ให้ สปป.ลาว ประชาชนชาวลาวและนักฟุตบอลลาวปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนเช่นนี้ควรจะมีการปรึกษาหารือกันก่อน

การพบหารือระหว่าง 2 ฝ่ายครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยเข้าสังเกตการณ์ด้วยรวม 4 คน โดยเจ้าหน้าที่ไทยได้แจ้งต่อสถานทูต สปป.ลาวว่า พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวในขณะนี้

"มีแนวโน้มครับ เราต้องหาทางออกที่ทำให้ทุกฝ่ายพอใจให้ได้ อาจจะเป็นการเลื่อนออกไปแบบถาวร ซึ่งในตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ตัวเราเป็นผู้สร้างเราต้องตัดสินใจเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ งานนี้ผมพูดได้เลยว่าไม่มีใครบังคับ ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของเราเอง ทุกอย่างเรามีการพิจารณาจากเหตุผลรอบด้านและคิดอย่างรอบคอบ คำนึงถึงทางออกทางออกที่น่าจะมีเหตุผลดีที่สุดในตอนนี้" นายวิสูตรกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ หลังการพบหารือกับเอกอัครราชทูตลาว

ผู้บริหารของ GTH ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทได้รับเสียหายไม่น้อย เนื่องจากได้ใช้งบประมาณในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้สูงมาก

"มีแน่นอนครับ หนังเรื่องนี้ลงทุนค่อนข้างสูง ประมาณ 60 ล้านบาท การที่หนังไม่ได้เข้าฉายนั่นก็หมายถึงยุติการค้าขาย ขาดทุนแน่นอน แต่มันเป็นสิ่งที่เราประเมินแล้วว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำ ส่วนการจะไปผลิตเป็นวีซีดีหรือเปล่านั้นยังไม่ได้คิดแต่คิดว่าคงไม่มีในตอนนี้" นายวิสูตรตอบคำถามที่ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างไรหรือไม่หากภาพยนตร์ไม่ได้ออกฉาย

"หนังทุกเรื่องที่สร้าง เรามีเจตนาดีมีความตั้งใจในการที่จะนำเสนอ เมื่อเกิดเรื่องหลังจากที่เราประมวลสถานการณ์แล้ว เกรงว่าเรื่องจะบานปลายถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นในวันที่ 18 พ.ค.นี้จะยุติการฉายแบบไม่มีกำหนดเพื่อแสดงสปิริตไม่ให้เกิดปัญหา และไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เราในฐานะผู้สร้างเราก็อยากสร้างความรู้สึกดีๆ จึงตัดสินใจเลื่อนการฉายออกไป"

"สองสามวันที่ผ่านมา สถานการณ์ที่เข้ามาเป็นสิ่งที่เราเองก็คาดไม่ถึง แต่เรายืนยันว่าเรามีเจตนาดีในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เลยตัดสินใจยุติกระแสเรื่องนี้ไปก่อนเพื่อที่เราเองก็จะได้มีเวลาที่มานั่งทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น" นายวิสูตรกล่าว

ผู้บริหารของ GTH ไม่ขอกล่าวถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับ สปป.ลาวแต่กล่าวว่าเท่าที่ทราบนั้น มีผลกระทบมากพอสมควร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เชื่อว่าคงไม่มีฝ่ายใดอยากให้เกิดขึ้น ทั้งยืนยันว่าเรื่องนี้มิใช่แผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์อย่างแน่นอน

เจ้าหน้าที่ของลาวกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ฉายภาพที่ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง เนื่องจากชาวลาวหรือนักฟุตบอลทีมชาติลาวมิได้มีพฤติกรรมตามที่ปรากฏในหนัง ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ให้นักฟุตบอลย้อมผมเป็นสีทอง ชูใต้หว่างแขนให้เห็นขนสีทองซึ่งดูไม่งามตา ไม่สุภาพ และไม่เหมาะสม รวมทั้งฉากที่นักกีฬาลาวอารมณ์ร้อนคนหนึ่งปรี่เข้าจะทำร้ายกรรมการ หรือ เล่นเกมในสนามด้วยความรุนแรงซึ่งเป็นการทำให้เสียภาพพจน์

"ชาวลาวกับนักศึกษาลาวที่ไปชมรอบสื่อมวลชน ยอมรับว่าสนุก แต่หลายคนก็แสดงความไม่พอใจ เจ้าหน้าที่สถานทูตเองก็ได้รับเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยให้ไปชมด้วย จากนั้นก็กลับมาปรึกษาหารือกันและรายงานเรื่องราวทั้งหมดต่อท่านทูต" เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกล่าว

"เท่าที่ทราบกระทั่งวงการกีฬาของไทยเองก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นการนำเอาทีมไทยไปเปรียบเทียบกับทีมลาวที่ยังอ่อนด้อยกว่าทีมไทยมาก หนังเรื่องนี้ก็เลยไม่ได้ฉายภาพที่เป็นความจริง”

เจ้าหน้าที่ของทางการลาวอีกผู้หนึ่งกล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ทางโทรศัพท์จากกรุงเวียงจันทน์ในวันเดียวกันว่า สมาคมนักข่าวลาวได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งแต่เดิมมีกำหนดจะประชุมหารือกันในต้นสัปดาห์นี้เพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ แต่ก็ได้ตัดสินใจรอฟังผลการเข้าพบหารือที่สถานเอกอัครราชทูตลาวประจำกรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์นี้

"หนังสือพิมพ์ทุกฉบับบอกว่า ได้รับโทรศัพท์จำนวนมากจากประชาชนที่ไม่พอใจหลังจากได้ชมภาพยนตร์ตัวอย่างทางโทรทัศน์ของไทย และต่างก็รอดูรายงานและการชี้แจงของสื่อลาวเองด้วย" เจ้าหน้าที่ทางการลาวกล่าว

เจ้าหน้าที่คนเดียวกันนี้ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญอัครราชทูตที่ปรึกษาของสถานทูตไทยในเวียงจันทน์เข้าหารือในวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเอกอัครราชทูตไทยเดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯ โดยฝ่ายลาวได้แสดงความกังวลว่าภาพยนตร์อื้อฉาวนี้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์สองฝ่าย.
กำลังโหลดความคิดเห็น