xs
xsm
sm
md
lg

ชาวเวียดเปลี่ยนพฤติกรรม แห่ดูหนังโรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แผ่นป้ายโฆษณาภาพยนตร์ที่กำลังลงโรงฉาย มีให้พบเห็นอยู่ตามท้องถนนในเวียดนาม หลังจากที่วงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
กรุงเทพฯ- วัยรุ่นกว่า 2,000 คน ในนครโฮจิมินห์ เบียดเสียดกันอยู่หน้าศูนย์ภาพยนตร์กาแล็กซี่ เพื่อรอชมภาพยนตร์เรื่อง Fire Wall ที่แสดงนำโดยแฮริสัน ฟอร์ด ส่วนโรงภาพยนตร์ซีเนบ๊อกฮว่าบิ่ง (Cinebox Hoa Binh) ก็สามารถดึงดูดผู้ชมได้กว่า 1,200 คน เพื่อชมภาพยนตร์แนวชีวิตเรื่อง Inside Man ที่แสดงนำโดยโจดี้ ฟอสเตอร์

ปรากฏการณ์เช่นนี้มีให้เห็นทั่วไป ซึ่งสะท้องถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบันเทิง จากที่เคยซื้อภาพยนตร์วีซีดีหรือดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ไปชมที่บ้าน หนุ่มสาวชาวเวียดนามเริ่มใช้โรงภาพยนตร์เป็นสถานที่นัดหมายกันเพื่อความบันเทิงมากขึ้น ขณะที่โรงภาพยนตร์ทันสมัยกำลังผุดขึ้นแห่งแล้วแห่งเล่า โดยทุนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่

ราคาตั๋วชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ซีเนบ๊อกฯ นั้น อยู่ที่ 30,000 ด่ง (ประมาณ2 ดอลลาร์) ต่อที่นั่ง ส่วนที่โรงภาพยนตร์กาแล็กซี่ ราคาตั๋วชมภาพยนตร์จะสูงขึ้นเป็น 50,000 ด่ง ซึ่งผู้ชมต่างก็ได้รับความเพลิดเพลินจากการชมภาพยนตร์เช่นเดียวกัน

"ผมใช้เงินไป 100,000 ด่ง เพื่อพาแฟนไปดูเรื่อง Fire Wall ก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับนักศึกษาอย่างผม แต่ภาพยนตร์ก็เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น ซึ่งมันก็คุ้มค่าที่เสียเงินไปน่ะ" เหงียน เติ่น กวาง (Nguyen Tan Quang) ผู้ชมขาประจำของโรงภาพยนตร์กาแล็กซี่ กล่าว
ศูนย์ภาพยนตร์ที่ทันสมัย เริ่มเปิดตัวกันมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ชมภาพยนตร์ที่ต้องการความสะดวกสบายและเทคโนโลยีชั้นสูง
ผู้อำนวยการศูนย์ภาพยนตร์กาแล็กซี่ นางเหวียน มิง หง็อก (Nguyen Minh Ngoc) ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการบริษัทเทียนเงิน (Thien Nhan) ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำเข้าภาพยนตร์รายใหญ่ในเวียดนามกล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดหลายเรื่องจากฮอลลีวูด ภาพยนตร์จีน และเกาหลี สามารถดึงดูดผู้ชมให้ไปยังโรงภาพยนตร์ได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในนครโฮจิมินห์และในกรุงฮานอย หลังจากที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ซบเซาลง อันเนื่องมาจากภาพยนตร์วีซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ และระบบการฉายภาพยนตร์ที่ไม่มีมาตรฐาน

นางหง็อกกล่าวอีกว่า เมื่อตอนที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars III - The Revenge of the Sith ลงโรงในปลายปีที่ผ่านมา ตั๋วขายเกลี้ยงทุกที่นั่งตั้งแต่วันแรกๆ เลย

"เราสามารถดึงดูดผู้ชมวัยรุ่นให้มาชมภาพยนตร์ได้ประมาณ 5,000 คนต่อวัน และมีหลายคนที่กลับมาดูเป็นรอบที่ 2 ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้ เราไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน พวกวัยรุ่นต่างออกมาชมภาพยนตร์ตามโรงหนังทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน แข่งกับจำนวนกลุ่มคนที่ซื้อภาพยนตร์ดีวีดีเถื่อนกลับไปนั่งดูที่บ้าน" นางหง็อกกล่าว

บริษัทเทียนเงิน หนึ่งในบริษัทผลิตภาพยนตร์เอกชนแห่งแรกๆ ของเวียดนาม เริ่มนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศตั้งแต่ปี 2547 และสามารถทำรายได้เป็นจำนวนมากจากการนำเข้าภาพยนตร์จากอเมริกา และจีน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Kingdom of Heaven, Mr and Mrs Smith และ Hero

ภาพยนตร์จากบริษัทผู้ผลิตหลักๆ ในต่างประเทศส่วนใหญ่ ได้ออกฉายในเวียดนามช่วงเวลาเดียวกันกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น ประเทศไทย และสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทเทียนเงิน สามารถทำรายได้ได้มากกว่า 2.3 พันล้านด่ง (148,000 ดอลลาร์) หลังจากที่นำภาพยนตร์ เรื่อง The Promise ที่นำแสดงโดยนักแสดงจาก 3 ประเทศ ออกฉายในนครโฮจิมินห์ในช่วงเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น

บริษัทนี้หวังว่าภาพยนตร์เรื่อง Fire Wall จะสามารถทำลายสถิติยอดจำหน่ายตั๋ว ขณะที่มีแผนการจะนำเอาภาพยนตร์เรื่อง X-Men 3 ออกฉายในเดือน ก.ค. นี้

ผู้บริหารของเทียนเงินกล่าวว่ามีแผนจะนำเข้าภาพยนตร์จากฮอลลีวูด ในปีนี้ ประมาณ 20 เรื่อง ในปีนี้ก็จะมีภาพยนตร์เรื่อง Die Hard 4, Banquet, Memoirs of a Geisha และ The Da Vinci Code รวมอยู่ด้วย
โรงภาพยนตร์ท้องถิ่น เริ่มเลือนหายไปตามความเจริญของบ้านเมือง
ส่วนบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์เช่น บริษัท BHD และบริษัท Visionet film ได้ลงทุนทั้งจำนวนเงินและทรัพยากรบุคคลเข้าร่วมแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์นี้ด้วย

"ก่อนที่เราจะนำภาพยนตร์จากบริษัทคู่สัญญาต่างชาติออกฉายหรือจำหน่ายนั้น เราได้ลงทุนในส่วนของการวิจัยตลาด เพื่อดูความสนใจและความต้องการของตลาดเวียดนามให้ชัดเจนและถูกต้องที่สุด" เจ้าหน้าที่จากบริษัท BHD กล่าว

ถึงแม้สถานบันเทิงประเภทนี้จะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในเวียดนาม แต่โรงภาพยนตร์และศูนย์ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อรองรับความต้องการการชมภาพยนตร์ของชาวเวียดนาม ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าธุรกิจและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศนี้ กำลังจะเข้าสู่ระยะก้าวกระโดด หลังจากถูกควบคุมจากทางการคอมมิวนิสต์มานานกว่า 30 ปี

ด้วยจำนวนประชากรที่มีมากถึง 80 ล้านคน เวียดนามได้กลายเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดึงดูดประชาชนให้หันมาชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากขึ้น เวียดนามยังคงต้องการผู้ลงทุนยักษ์ใหญ่และกลยุทธการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระยะยาว

เพื่อให้เป็นที่พอใจและรองรับความต้องการของผู้ชมภาพยนตร์ เจ้าของโรงภาพยนตร์หลายแห่งได้ใช้เงินไปกับการปรับปรุงและสร้างโรงภาพยนตร์อันทันสมัยขึ้นมาใหม่ ดังเช่นในกรุงฮานอย ที่เพิ่งจะมีการเปิดศูนย์ภาพยนตร์ MegaStar Cineplex ที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากลเพื่อรองรับความต้องการของบรรดาผู้รับชมชาวเวียดนาม ด้วยความร่วมมือทางการลงทุนของบริษัท Megastar Media JV Vietnam และ บริษัทเฟืองนาม (Phuong Nam Cultural Joint Stock Company) เป็นจำนวนเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์

ศูนย์ภาพยนตร์แห่งนี้มีโรงภาพยนตร์จำนวน 8 โรง รวมกว่า 1,100 ที่นั่ง ทำให้ผู้ชมภาพยนตร์ชาวเวียดนามมีทางเลือกในการรับชมภาพยนตร์ได้มากขึ้น จากโรงหนังทั้งหมด 12 แห่งที่มีอยู่ในกรุงฮานอย

ส่วนในนครโฮจิมินห์ ศูนย์ภาพยนตร์ซีเนบ๊อกฮว่าบิ่ง (Cinebox Hoa Binh) ได้เปิดตัวอีกครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน หลังจากปิดเพื่อปรับปรุง โดยหวังที่จะดึงดูดผู้ชมรุ่นเยาว์ได้มากขึ้น คราวนี้มีที่นั่งชมภาพยนตร์รวมกันถึง 1,200 ที่นั่ง.
กำลังโหลดความคิดเห็น