กรุงเทพฯ- ในขณะที่ทางการจีนได้อนุมัติให้บริษัทก๊าซน้ำมันแห่งชาติสร้างท่อส่งก๊าซจากพม่าได้แล้ว ทางการอินเดียกลับยังต้องพบอุปสรรคสำคัญเนื่องจากบังกลาเทศ ไม่ยินยอมให้อินเดียสร้างท่อส่งก๊าซผ่าน และในสัปดาห์นี้ทางการอินเดียเกิดความคิดใหม่ เสนอวิธีการขนก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอ่าวเบงกอลกลับประเทศ
หน่วยงานของอินเดียกำลังจะเสนอต่อพม่า แนวก่อสร้างท่อขนส่งก๊าซถึง 8 เส้นทางด้วยกัน ทั้งทางบกและทางทะเล ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทมส์ โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงปิโตรเลียม
อินเดียมีแผนที่จะเสนอแนวความคิดนี้ต่อทุกฝ่ายในระหว่างการประชุมเป็นเวลา 2 วัน (3-4 เม.ย.) กับบรรดาผู้ร่วมทุนในการขุดเจาะก๊าซ-น้ำมัน ในหลุม A1 นอกชายฝั่งรัฐยะไข่ ซึ่งบริษัทน้ำมันของรัฐบาลอินเดียคือ เกล (GAIL Ltd) กับบริษัท ONGC Videsh Ltd ร่วมกันถือหุ้นในหลุม A1 กับ A3 แห่งละ 30%
ผู้ถือหุ้นใหญ่ในหลุมสัมปทานสำรวจขุดเจาะ A1 กับ A3 ได้แก่ บริษัทแดวูอินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น (60%) และ ยังมีบริษัทเกาหลีอีกบริษัทหนึ่งคือ Korea Gas Corporation ถืออีก 10%
บริษัทเกลนั้นได้เซ็นบันทึกช่วยความจำ (MoU) กับกระทรวงพลังงานพม่า เพื่อซื้อก๊าซจากหลุม A1 จะเป็นฝ่ายนำเสนอแนวก่อสร้างท่อส่งก๊าซ ทางทะเล 3 แนว กับแนวบนบกอีก 3 แนว นอกจากนั้นก็ยังจะเสนอวิธีการขนส่งอย่างอื่นถ้าหากโครงการก่อสร้างท่อก๊าซทั้ง 6 แนวล้มเหลว
เจ้าหน้าที่กระทรวงปิโตรเลียมอินเดียเปิดเผยกับสำนักข่าว IANS ว่า บริษัทของอินเดียเตรียมเสนอวิธีการขนส่งก๊าซกลับประเทศในรูปก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) หรือในรูปก๊าซบีบอัด (CNG)
เจ้าหน้าที่คนเดียวกันนี้กล่าวว่า แนวก่อสร้างท่อก๊าซทั้ง 6 เส้นทางที่จะเสนอให้ฝ่ายพม่าพิจารณานั้น ไม่มีแนวไหนเลยที่ก่อสร้างผ่านบังกลาเทศ หลังจากการเจรจากับประเทศนี้ประสบความล้มเหลวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้ทางการพม่าเซ็นสัญญาจำหน่ายก๊าซจากหลุม A1 ส่วนหนึ่งให้แก่ฝ่ายจีน ที่ไม่ได้เข้าลงทุนสำรวจขุดเจาะในหลุมดังกล่าว
"เกลกำลังจะเสนอต่อคณะกรรมการร่วมโครงการท่อก๊าซพม่า-อินเดีย โดยไม่มีเส้นทางก่อสร้างที่ผ่านบังกลาเทศ และเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นความเป็นไปได้สำหรับวิธีการอื่นที่จะส่งก๊าซไปยังอินเดีย" สำนักข่าว IANS อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กระทรวงปิโตรเลียมอินเดีย
ฝ่ายอินเดียจัดทำรายงานผลการศึกษาโดยละเอียดเบื้องต้น (DFR) ขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือของบริษัท SUZ Tractebel บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำแห่งกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งได้ทำการศึกษาและจัดทำแผนการจัดการกับสภาแวดล้อม (EMP) รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ความเสี่ยงเฉพาะหน้า (RRA) ของโครงการอีกด้วย
ผลการศึกษาโดยละเอียดเบื้องต้นได้เสนอความเป็นไปได้ที่จะก่อสร้างท่อส่งก๊าซจากชายฝั่งของพม่าไปยังอินเดียโดยผ่านรัฐโมซารัม อัสสัม เบงกอลตะวันตก สู่รัฐพิหาร ท่อส่งก๊าซตามแนวนี้จะใช้ขนส่งก๊าซจากแหล่งสำรวจในรัฐตรีปุระกับรัฐอัสสัมในอินเดียด้วย ซึ่ง
เชื่อว่าแนวท่อต่างๆ เหล่านี้จะทำให้พม่ามั่นใจ สามารถตัดสินใจทำสัญญาซื้อขายกับฝ่ายอินเดียได้
นอกจากจะขอซื้อก๊าซจากแหล่งผลิตที่บริษัทอินเดียร่วมมีผลประโยชน์อยู่ด้วยแล้ว ฝ่ายอินเดียยังต้องการซื้อก๊าซจากแหล่างอื่นในพม่าด้วย ทั้งนี้เพื่อทำให้โครงการสร้างท่อขนส่งก๊าซมีความเป็นไปได้ ขณะเดียวกันอินเดียก็ขาดแคลนก๊าซเป็นอย่างมาก ร่วมทั้งพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่มีใช้อยู่ในประเทศก็เริ่มร่อยหรอลง
ในเดือน มี.ค. ทีผ่านมา กระทรวงวางแผนของจีนได้อนุมัติโครงการลงทุนก่อสร้างท่อส่งก๊าซจากเมืองซิตตเว (Sittwe) ในรัฐยะไข่ ที่ตั้งของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำคัญในหลุม A1 อ่าวเบงกอล ไปยังเมืองคุนหมิงของจีน โดย ให้สามารถเริ่มดำเนินการโครงการได้ในเดือน เม.ย. นี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี
ท่อส่งก๊าซ และน้ำมันนี้คาดว่าจะสามารถทำให้จีนสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง และแอฟริกาผ่านพม่า ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านภาษีจากการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา แม้จะยังไม่มีรายงานว่าจะต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการเท่าใด
ในเดือน ม.ค. ปีนี้ ทางการพม่าได้ตกลงใจเซ็นบันทึกช่วยความจำฮ่องกง เพื่อความเข้าใจกับบริษัท ปิโตรไชน่า (PetroChina) เพื่อจำหน่ายก๊าซธรรมชาติจากหลุม A1 ในอ่าวเบงกอล ให้กับจีนเป็นเวลานานถึง 30 ปี.