ผู้จัดการรายวัน- ชาวลาวกว่า 2.7 ล้านคนได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติในวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) ที่ผ่านมา นับแต่นี้ต่อไปจะเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยดูการเปลี่ยนแปลงใน 3 สถาบันระดับสูงที่จะติดตามมา อันได้แก่ ประธานประเทศ ประธานรัฐสภาและคณะรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วจากการประชุมใหญ่ของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ในปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
บรรดาผู้นำระดับสูงของลาว ทั้งในพรรคและรัฐบาล เช่นเดียวกันกับชาวลาวที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ได้ออกไปใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้ง 5,127 แห่ง ใน 17 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. และดำเนินไปจนถึง เวลา 17:00 น. เพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติรวม 115 คน
การเลือกตั้ง สสช.ชุดที่ 6 นี้ จัดขึ้นล่วงหน้าถึง 1 ปี ก่อนสภาชุดปัจจุบันจะครบวาระ 5 ปีลงในเดือน ก.พ.2550 ซึ่งทางการลาวกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เพื่อจัดเงื่อนเวลาให้การปฏิบัติงานระหว่างพรรคประชาชนปฏิวัติลาว องค์กรนิติบัญญัติแห่งชาติกับฝ่ายรัฐบาลมีความสดคล้องกัน เพราะองค์กรต่างๆ เหล่านี้มีวาระ 5 ปีเท่ากัน
เจ้าหน้าที่ของทางการกล่าวว่า คงจะใช้เวลาอีกหลายวันจึงจะสามารถประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ อันเนื่องมาจากหน่วยเลือกตั้งหลายแห่งอยู่ในดินแดนที่อยู่ห่างไกล ธุระกันดารการคมนาคมไม่สะดวก ซึ่งนายย้ง จันทะลังสี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศลาวกล่าวว่า กว่าสภาชุดใหม่จะสามารถเปิดประชุมได้ในปลายเดือน พ.ค. หรือต้นเดือน มิ.ย.
เป็นที่คาดกันทั่วไปว่า สภาแห่งชาติกำลังจะเลือก พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานประเทศอีกตำแหน่งหนึ่ง แทน พล.อ.คำไต สีพันดอน ที่เกษียณตัวเองออกจากทุกตำแหน่งในพรรค ในการประชุมสมัชชาครั้งที่ 8 ของพรรคระหว่างวันที่ 18-21 มี.ค.ที่ผ่านมา
พล.ท.จูมมะลี ด้วยวัย 69 ปี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม มีความเหมาะสมทุกประการ ที่จะควบทั้งตำแหน่งทั้งผู้นำพรรคและประมุขแห่งรัฐ เช่นเดียวกันกับ พล.อ.คำไต ในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ท.จูมมะลีได้ทำหน้าที่เป็นรองประธานประเทศมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์จำนวนหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้เช่นกันที่ ประธานประเทศคนใหม่อาจจะเป็น พล.ท.สะหมาน วิยะเกต ประธานสภาแห่งชาติชุดปัจจุบัน ซึ่งเลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่อันดับที่ 2 ในคณะกรรมการกรมการเมืองพรรค นอกจากนั้น พล.ท.สะหมาน ยังมีความเหมาะสมด้วยวัยวุฒิ ปัจจุบันอายุ 73 ปี เป็นผู้นำที่มีอายุมากที่สุดในพรรค
พล.ท.สะหมาน ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาแห่งชาติมานานถึง 2 สมัย รวมระยะเวลา 9 ปี และ เจ้าหน้าที่ของทางการในเวียงจันทน์เคยกล่าวว่า นักปฏิวัติอาวุโสผู้นี้ต้องการวางมือจากองค์การนิติบัญญัติ เพื่อไปรับหน้าที่ใหม่ในพรรคและรัฐ
ลาวเคยแยกตำแหน่งผู้นำพรรคกับประมุขแห่งรัฐออกจากกันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในยุคนายไกสอน พมวิหาน เป็นเลขาธิการใหญ่พรรค ที่มี เจ้าสุพานุวง เป็นประธานประเทศ หรือ ในยุคแรกที่ พล.คำไต เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคทีมีนายหนูฮัก พูมิสะหวัน เป็นประมุขแห่งรัฐ มี พล.อ.สีสะหวาด แก้วบุนพัน เป็นรอง
ต่อมาหลังการประชุมใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวครั้งที่ 7 ในปี 2544 มีการเปลี่ยนแปลงระบบพรรค มีการเลือก พล.อ.คำไต ขึ้นเป็นประธานคณะบริหารงานศูนย์กลางพรรค จึงได้ควบตำแหน่งประธานประเทศเอาไว้ด้วย เช่นเดียวกันระบบของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
แต่การประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 ของพรรคเมื่อเดือนที่แล้ว ลาวได้เปลี่ยนระบบพรรคอีกครั้งหนึ่ง มีการนำเอาระบบเลขาธิการใหญ่พรรคกลับมาใช้ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการแยก 2 ตำแหน่งผู้นำพรรค-รัฐ ออกจากกัน เช่นเดียวกันกับระบบพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
นายกรัฐมนตรีคนเดิมอีกสมัย?
นักวิเคราะห์กำลังมองว่า สภาแห่งชาติชุดใหม่กำลังจะพิจารณาเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สืบแทนนายบุนยัง วอละจิต ที่ได้ทำหน้าที่มาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว และระหว่างนั้นมีการแต่งตั้งโยกย้ายรัฐมนตรีหลายประทรวง แต่หลายคนก็กลับมองว่า นายบุนยังอาจจะยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 1 สมัย
นายบุนยังซึ่งเคยเป็นนายทหารยศพันเอกแห่งกองทัพประชาชนลาว เคยทำหน้าที่เป็นเลขานุการส่วนตัวของนายไกสอน "บิดาแห่งการปฏิวัติลาว" มาโดยตลอด นายบุนยังได้รับเลือกขึ้นเป็นผู้นำหมายเลข 4 ในกรมการเมืองพรรค ที่มีทั้งหมด 11 คน ซึ่งเป็นอันดับเท่าเดิม ไม่ต่างกับ 5 ปีก่อนหน้านี้ ภายใต้กฎเดียวกันกับกรณีของ พล.ท.สะหมาน ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า นายบุนยังน่าจะยังอยู่ในตำแหน่งเดิม
การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์นี้ มีกรมการเมืองพรรคประชาชนปฏิวัติลาวลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวน 3 คน คือ นายทองสิง ทำมะวง ผู้นำหมายเลข 3 ในกรมการเมือง เจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ นายบัวสอน บุบผาวัน (อันดับ 7) และ ดร.ทองลุน สีสุลิด (อันดับ 8)
ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า น่าจะมีการวางตัวนายบัวสอน ซึ่งด้วยวัยเพียง 53 ปีได้กลายเป็นกรมการเมืองที่หนุ่มที่สุด เอาไว้เป็นผู้นำรัฐบาลสืบต่อจากนายบุนยัง ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะถูกจัดเข้าทำหน้าที่อะไรในพรรค
นายบัวสอนนั้น ต้องถือเป็นบุคคลากรต้นแบบที่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวสร้างขึ้นมาเอง เป็นดาวรุ่งที่พุ่งแรงในพรรค เคยทำหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องว่าการศูนย์กลางพรรคในสมัชชาสมัยที่ 6 ต่อมาสมัชชาที่ 7 ก็ได้แต่งตั้งนายบัวสอนเข้าทำหน้าที่เป็น "ผู้ประการรัฐบาล" ทำหน้าที่ดูแลงานประจำวันแทนคณะรัฐมนตรี
รูปการเช่นนี้ได้ทำให้นายบัวสอนถูกมองว่า เป็นบุคคลที่มีโอกาสจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งยังไม่เชื่อเช่นนั้น
หลายคนมองว่า นายบัวสอน อาจจะต้องเข้าไปทำหน้าที่ในสภาแห่งชาติ โดยเป็นรองประธานสภา ขณะที่นายทองสิงได้ถูกวางตัวเอาเข้าแทนที่ประธานสภาฯ ต่อจาก พล.ท.สะหมาน ทั้งนี้โดยพิจารณาจากประสบการ วัยวุฒิและอาวุโสในกรมการเมืองของพรรค
เมื่อมาถึงจุดนี้ นักวิเคราะห์กลุ่มหลังมองอนาคตของ ดร.ทองลุนว่า หมดโอกาสที่จะขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาล แต่มีโอกาสที่จะเข้าแทนที่นายทองสิง ในตำแหน่งเจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็น "ผู้ว่าราชการจังหวัด" เพียงตำแหน่งเดียวที่จะต้องเป็นกรรมการกรมการเมืองพรรค
"ดร.ทองลุน มีประสบการณ์ที่หลากหลาย มีอาวุโสพอเหมาะพอควร เป็นคนที่ชาวต่างชาติรู้จักดีที่สุดคนหนึ่งในรัฐบาลลาว" เจ้าหน้าที่รัฐบาลคนหนึ่งกล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ในนครหลวงเวียงจันทน์เมื่อเร็วๆ นี้
ดร.ทองลุน ปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานคณะกรรมการแผนการและการลงทุนแห่งรัฐ ก่อนหน้านี้เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมายาวนานนับสิบปี ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เป็นรองประธานแนวลาวสร้างชาติ กระทั่งงานในสภาแห่งชาติ
เวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงที่กำลังพัฒนาไปรวดเร็วมาก เป็นทั้งศูนย์กลางการศึกษา การติดต่อสื่อสาร การท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางการลงทุนของต่างชาติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีการแต่งตั้งมือเศรษฐกิจระดับชาติเข้าบริหารจัดการเมืองหลวงของประเทศ
การเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้สมัครรับเลือกตั้งรวม 175 คน ในนั้นมี 2 คนที่ไม่ได้สังกัดพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ส่วนใหญ่เป็นผู้เข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกมีอายุเฉลี่ยเพียง 52 ปี ในนั้นเป็นผู้สมัครหญิง 39 คน และมี 16 คนเป็นชนชาติม้ง จำนวน 9 คนไปจากภาคธุรกิจ
การเลือกตั้ง สสช.ชุดที่ 5 ในเดือน ก.พ.2545 มีผู้สมัครอิสระได้รับเลือกตั้งจำนวน 1 คน จากสภาที่มีสมาชิก 109 คน.