กรุงเทพฯ - ทะเลสาบอินเลที่เคยเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางน้ำ มีน้ำที่ใสสะอาด เป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ และที่พึ่งพิงหลักของชาวบ้านในท้องถิ่น ปัจจุบันมันได้แปรเปลี่ยนสภาพไป สิ่งแวดล้อมต่างๆ ถูกทำลายส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งสาเหตุที่สำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์แทบทั้งสิ้น
สำหรับคนภายนอกทะเลสาบอินเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อในรัฐชาน เต็มไปด้วยความงามทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมโบราณ แต่สำหรับชาวพม่าแล้ว มันเป็นเหมือนบ้าน เป็นแหล่งอาหาร ของผู้คนที่อาศัย และตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งทะเลสาบจำนวนกว่า 25,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ชาวพม่าชนชาติอินตา (Intha) ที่พักพิงสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษนานหลายศตวรรษ
ในปัจจุบันความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อมกำลังถูกทำลายไป ซึ่งบรรดากลุ่มนักอนุรักษ์ได้ออกเตือนว่า ที่พักพิงแห่งนี้ของพวกชาวบ้านกำลังเผชิญกับอันตรายที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเลวร้าย ของเสีย สิ่งปฏิกูล และสารเคมีจากการเกษตรกำลังทำให้น้ำในทะเลสาบเน่าเสีย
การตัดไม้ทำลายป่าทำให้ชายฝั่งทลายเกิดการทับถมของตะกอนในน้ำ ทำให้ทะเลสาบค่อยๆ ตื้นเขิน วัชพืชและสาหร่ายกลายเป็นศัตรูที่ทำให้ปลาตาย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นก็ยิ่งทำให้สภาพการดังกล่าวเลวร้ายมากขึ้น ในขณะที่ปลาพันธุ์ใหม่ๆ จากต่างถิ่น ได้เข้าคุกคามทำให้เกิดความไม่สมดุลขึ้นในระบบนิเวศน์
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกำลังเป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่า ถ้าเราไม่รีบเร่งทำอะไรเลยในตอนนี้มันคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน" นายตานเต่ (Than Htay) เจ้าหน้าที่ดูแลประจำเขตอนุรักษ์สัตว์น้ำในเขตหนองบึงอินเล กล่าวกับนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ "เมียนมาร์ไทมส์"
ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นทำให้หลายหน่วยงานภาครัฐบาลเข้าดำเนินการเพื่อปกป้องและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทะเลสาบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่กระนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นก็ได้สร้างความกังวลให้กับชาวบ้าน ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิด และเข้าใจความรุนแรงของปัญหานั้นมากที่สุด
นางขิ่นเมียะ (Khin Mya) อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะใกล้ๆ นี้กล่าวว่าเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้ำตรงหน้าบ้านจะลึกมาก แต่พอมาตอนนี้กลายเป็นว่าแม้แต่เรือลำเล็กๆ ก็ยังไม่สามารถแล่นเข้าไปได้ แม้กระทั่งปลาพื้นเมืองบางชนิดที่เมื่อก่อนเคยมีจำนวนมาก แต่ก็กลายเป็นว่าตอนนี้หายากมาก ราคาก็สูง
นายตานเต่ กล่าวว่ามลพิษในน้ำได้ทำให้ปลาพันธุ์พื้นเมืองไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ และยิ่งหนักขึ้นไปอีกเมื่อมีปลาจากภายนอกเข้ามาแย่งอาหารมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาดุกแอฟริกันจากฟาร์มเลี้ยงใกล้ๆ ทะลักเข้าเข้าไปในทะเลสาบ
ผลกระทบจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษขึ้นมา บรรดาร้านผลิตเครื่องเงิน และเสื้อผ้าก็ปล่อยพวกสารที่เป็นกรด และสีย้อมผ้าลงแหล่งน้ำ ในขณะเดียวกันพวกเรือรับส่งนักท่องเที่ยวเองก็ปล่อยพวกน้ำมันเชื้อเพลิงลงในน้ำด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามนักสิ่งแวดล้อมกล่าวว่ามลพิษที่ร้ายแรงที่สุด ก็คือ พวกยาฆ่าแมลง และปุ๋ยเคมีทั้งหลายที่ไหลมาจากสวนเพาะปลูกมะเขือเทศที่กระจายเข้ามาสู่ทะเลสาบ ซึ่งสารเคมีเหล่านั้นละลาย และซึมเข้าสู่แหล่งนำได้ง่ายมาก
ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร การจราจรทางเรือ สิ่งปฏิกูลตามบ้านเรือน เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุทำลายสิ่งแวดล้อมแทบทั้งสิ้น.