xs
xsm
sm
md
lg

สำรวจพบลาวมีแร่ล้ำค่ากว่า 500 แหล่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พนักงานชาวต่างชาติของบริษัท โอเซียนา (Oxiana) ผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตทองแดง และทองคำในแขวงสะหวันนะเขต ทำงานควบคุมการผลิตแผ่นทองแดง ในเขตโรงงานที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 600 กม.


กรุงเทพฯ- รายงานการสำรวจทางธรณีวิทยาครั้งล่าสุด ที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศได้พบแหล่งที่ มีสินแร่ล้ำค่าต่างๆ แล้วมากกว่า 570 แหล่ง ทั้งในแขวงภาคใต้ตั้งแต่สะหวันนะเขต คำม่วน ขึ้นไปจนถึงแขวงบอลิคำไซ เวียงจันทน์ หลวงพระบาง เชียงขวาง หัวพัน อุดมไซ หลวงน้ำทา และพงสาลี ที่อยู่ทางเหนือสุดล้วนอุดมไปด้วยสินแร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ

เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมที่นำเสนอต่อ การประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 พรรคประชาชนปฏิวัติลาวในปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และ สื่อของทางการนำออกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

รายงานกล่าวว่า จนถึงปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมได้อนุญาตให้บริษัทภายใน และต่างประเทศเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่แล้วจำนวน 90 บริษัท เป็นบริษัทจากต่างประเทศจำนวน 34 แห่ง และ บริษัทในประเทศ 56 แห่ง รวมแล้วมีกิจการอยู่ในขั้นตอนการสำรวจ 139 โครงการ และอยู่ในขั้นตอนดำเนินการขุดค้นแล้ว 53 โครงการ

นายอ่อนเนื้อ พมมะจัน รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม และหัตถกรรม ได้รายงานความคืบหน้าในเรื่องต่อที่ประชุมสมัชชาครั้งที่ 8 ของพรรค ที่จัดขึ้นในนครหลวงเวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 18-21 มี.ค. ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวสารประเทดลาว (ขปล.)

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทแพนออสเตรเลียนรีสอร์ช (Pan Australian Resources) จากออสเตรเลีย ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลลาว สามารถเข้ามาดำเนินการพัฒนาในโครงการทำเหมืองทองคำ และทองแดง ในเขตภูคำ ในแขวงเวียงจันทน์ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทนี้แถลงว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากเหมืองแห่งนี้

"พื้นฐานของโครงการนี้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถมีรายได้ถึง 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี เมื่อเทียบกับราคาทองคำ และทองแดงในทุกวันนี้ หรือถ้าทองแดงหนัก 1 ปอนด์ มีฐานราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐ เราก็จะสามารถทำเงินได้มากกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี" นายแกรี สแตฟฟอร์ด (Gary Stafford) ผู้อำนวยการของแพนออสเตรเลี่ยน กล่าว

เหมืองภูคำเป็นเหมืองทองแห่งที่ 2 ของบริษัทแพนออสเตรเลี่ยนฯ ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจและผลิตทองคำกับทองแดงในเขตพูเบี้ยในแขวงเวียงจันทน์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่เหมืองภูเบี้ยนั้นมีเล็กกว่าเหมืองภูคำเกือบ 10 เท่า เมื่อโครงการภูคำสามารถเดินเครื่องการผลิตได้ ก็จะสามารถผลิตทองคำรวมแล้วได้ถึง 100,000 ออนซ์ต่อปี และทองแดงได้อีก 50,000 ตันต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 2551 นี้

ก่อนหน้านั้นโครงการเหมืองแร่ที่มีความสำคัญโดดเด่นที่สุด ก็คือโครงการขุดค้นทองคำและทองแดงเซโปน ในเขตเมืองวิละบูลี แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทโอเซียนา (Oxiana) จากประเทศออสเตรเลีย มีการศึกษาสำรวจอย่างละเอียด และใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทันสมัย ด้วยเงินลงทุนประมาณ 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จนถึงปัจจุบันเหมืองเซโปนมีกำลังผลิตโลหะทองคำผสมเงินได้ประมาณ 9.6 ตันต่อปี (มีทองคำประมาณ 65%) และทองคำบริสุทธิ์ (99.88%) 60,000 ตันต่อปี โดยนับถึงวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา สามารถผลิตโลหะทองคำผสมเงินได้แล้วประมาณ 27.82 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 22.3 ล้านดอลลาร์ และทองคำบริสุทธิ์ 39.93 ตัน คิดเป็นมูลค่า 158.1 ล้านดอลลาร์

จนถึงปัจจุบันเหมืองเซโปนได้จ่ายเงินรายได้เป็นค่าตอบแทนให้กับรัฐบาล สปป.ลาวแล้วประมาณ 14.49 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เป็นไปตามสัญญาและข้อตกลงต่างๆ โดยรัฐบาลลาวจะได้รับผลประโยชน์ทางด้านการเงินโดยตรงจากโครงการนี้ 44% และผู้ลงทุนได้รับ 56% โดยเริ่มในปี 2549 นี้เป็นต้นไป ดังนั้นรัฐบาลจะมีรายได้โดยตรงจากโครงการนี้ประมาณ 25-30 ล้านดอลลาร์ต่อปี

นอกจากนี้บริษัทเหมืองแร่เซโปนยังให้ความช่วยเหลือแก่ท้องถิ่นอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในปี 2546 เมืองวิละบูลีได้รับเงินช่วยเหลือพัฒนาท้องถิ่นจำนวน 96,000 ดอลลาร์ พอปี 2547 ได้รับเพิ่มขึ้นเป็น 260,000 ดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2548 ที่ผ่านมาได้รับเพิ่มอีกเป็น 300,000 ดอลลาร์

ในปี 2549 นี้ท้องถิ่นดังกล่าวจะได้รับเงินช่วยเหลือ 400,000 ดอลลาร์ และในปี 2550 เป็นต้นไปก็จะได้รับ 500,000 ดอลลาร์ต่อปี ทั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาที่บริษัทจากออสเตรเลียทำกับรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับสิทธิประโยชน์ จากสินแร่ล้ำค่าที่ดูแลกันมาหลายชั่วอายุคน

ประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ได้รับจากโครงการนี้ก็คือ การสร้างงานให้ชาวลาวกว่า 3,000 - 3,500 คน ได้มีงานทำ (ข้อมูลในปีล่าสุดเมื่อเดือน ธ.ค.2548) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นประชาชนในท้องถิ่นได้มีอาชีพ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากที่แต่เดิมต้องถางป่าทำไร่เลื่อนลอยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ส่วนประชาชนในพื้นที่ข้างเคียงโครงการ ก็สามารถประกอบอาชีพค้าขาย และการบริการได้ ซึ่งทำให้มีการกระจายรายได้สู่ภาคสังคมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เศรษฐกิจ และสังคมก็มีการพัฒนาไปด้วยในคราวเดียวกัน

บริษัท โอเซียนา (Oxiana) ได้ประกาศในวันที่ 6 เม.ย.ว่า กำลังทำการศึกษาเพื่อจะเพิ่มกำลังการผลิตทองแดงในเซโปนเป็น 2 เท่า และให้ได้ผลผลิตปริมาณถึง 120,000 ตันต่อปี ภายในปี 2552 ด้วย โดยในปีนี้คาดว่าจะสามารถผลิตทองแดงได้ถึง 60,000 ตัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 30,000 ตัน

"เราอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายการผลิตในเหมืองเซโปนให้ได้ 120,000 ตัน ภายในปี 2552" นายโอเวน เฮการ์ตี (Owen Hegarty) ผู้อำนวยการบริษัท โอเซียนา กล่าว ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters)

ในดินแดนลาวยังเต็มไปด้วยแหล่งแร่พลวง มังกานีส เหล็ก สังกะสี และแร่เศรษฐกิจอื่นๆ เมื่อสินแร่เหล่านี้ถูกขุดค้นขึ้นมาใช้งาน ทำการผลิตหรือส่งออก ก็จะทำให้รายได้ต่อหัวประชากรของลาวเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

ลาวมีประชากรไม่ถึง 6 ล้านคน ประเทศร่ำรวยด้วยสินแร่ที่มีปริมาณมหาศาล รอการขุดค้นขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ.
กำลังโหลดความคิดเห็น