xs
xsm
sm
md
lg

ยักษ์ยางพาราจีนสยายปีกคลุมกัมพูชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การกรีดยางเพื่อให้ได้น้ำยางของชาวกัมพูชา และขบวนการผลิตอื่น ๆ ยังคงเป็นแบบดั้งเดิม แต่ถ้าหลังจากที่บริษัทรายใหญ่ของจีนเข้ามาลงทุนแล้วก็จะทำให้มีเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต


กรุงเทพฯ- กลุ่มบริษัทผู้ลงทุนอุตสาหกรรมยางพารายักษ์ใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน และบริษัทจากกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันในการจะเข้าลงทุนทำสวนยางในกัมพูชา เพื่อส่งผลผลิตกลับไปจำหน่ายในแผ่นดินใหญ่ พิธีลงนามมีขึ้นในวันศุกร์ (31 มี.ค.) ที่ผ่านมา

ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว ผู้แทนจากบริษัท Hainan Natural Rubber Industry Group Corp ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุดของจีน และบริษัท Suigang Investment Development Co Ltd ในกัมพูชา เข้าร่วมในพิธีลงนามในข้อตกลง ที่บริษัทจากจีนจะเข้าลงทุนปลูกยาง และตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราในกัมพูชา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 391,678.75 ไร่ พร้อมทั้งรับซื้อกลับไปยังจีนด้วย

"เราจะนำเอาระบบอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานแบบใหม่ล่าสุดมาใช้ในโครงการนี้ เพื่อจะได้นำทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของกัมพูชามาใช้ให้เกิดผลประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด" ซินหัวอ้างคำกล่าวของนายอู๋ย่าหรง (Wu Yarong) ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท Hainan Natural Rubber Industry Group Corp

บริษัทจีนดังกล่าวนี้มีพื้นที่ในการเพาะปลูกสวนยางมากกว่า 1,562,500 ไร่ สามารถผลิตยางพาราได้กว่า 250,000 ตันต่อปี หรือนับเป็นครึ่งหนึ่งของผลิตรวมทั้งหมดของจีนเลยทีเดียว

"โครงการความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงให้มาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชามีสภาพที่ดีขึ้น" นายสิม สนทิม (Sim Sonthim) ประธานกรรมการบริษัท Suigang Investment Development Co Ltd กล่าว

จีนเป็นผู้นำในการใช้ยางพาราของโลก และนำเข้ายางพารามากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา โดยเมื่อปีที่แล้วอัตราการใช้ยางในประเทศจีนมีปริมาณสูงถึง 2.04 ล้านตัน ในขณะที่ผลผลิตในแต่ละปีอยู่ที่เพียง 500,000 ตันเท่านั้น

ในขณะที่จีนเองมีพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการทำสวนยางอยู่ไม่มากนัก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลไห่หนัน (ไหหลำ) มณฑลหยุนหนัน และบางส่วนในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางภาคใต้ของจีนเพราะเป็นพื้นที่ที่มีฝนตกชุก ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตยางจึงเล็งที่จะขยายการผลิตของตนไปยังประเทศในทวีปแอฟริกา และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

นอกจากนี้ทางบริษัท Hainan Natural Rubber Industry Group Corp ยังมีแผนที่จะดำเนินการตั้งโรงงานผลิตยาง มูลค่าการลงทุน 1.3 พันล้านหยวน (162.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมีศักยภาพการผลิตได้ถึง 300,000 ตันต่อปี

ที่ผ่านมาบริษัทผลิตยางพาราของจีนอย่าง บริษัท Yunnan Natural Rubber Group Ltd ก็ได้เข้าทดลองปลูกยางพาราในพม่าเช่นเดียวกัน บนเนื้อที่กว่า 18,750 ไร่ และกำลังจะดำเนินการขยายเพิ่มขึ้นไปอีก 187,500 ไร่

อย่างไรก็ตามผู้ผลิตยางพาราของจีนต่างก็ได้รับผลกระทบจากการพุ่งสูงขึ้นของราคายางพาราในตลาดโลกจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วราคาประมาณ 6,000 หยวน (750 ดอลลาร์) มาในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสูงสุดไปอยู่ที่ 22,000 หยวน (2,750 ดอลลาร์)

ในขณะเดียวกันในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในจีนต่างก็ต้องการยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ในอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีนที่มีรายงานว่าภายในปี 2553 จะมีความต้องการยางพารามากถึง 716,000 ตัน และเพิ่มขึ้นเป็น 1.63 ล้านตันในอีก 10 ปีข้างหน้า

ทั้งหมดนั้นเป็นสาเหตุสำคัญ เร่งให้อุตสาหกรรมยางพาราจีนต้องขยาย และพัฒนาฐานการผลิตออกสู่ต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะยังมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของความสะดวกในการคมนาคมขนส่ง และอัตราภาษีทั้งใน และต่างประเทศ

บรรดาผู้ผลิตยางในจีนได้เรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนด้านการหาตลาดในต่างประเทศที่จะนำมาซึ่งการได้ประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายอย่างท่าเทียมกัน จากนั้นก็เร่งให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดภายในประเทศ

ตามข้อมูลสถิติล่าสุดจากสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา จนถึงเดือน ต.ค. ของปี 2548 นี้ รัฐบาลได้อนุมัติโครงการลงทุนจากต่างประเทศ เป็นมูลค่าแล้วทั้งสิ้น 976 ล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนจากจีนยังคงเป็นผู้ลงทุนในกัมพูชามากที่สุด ด้วยมูลค่า 442 ล้านดอลลาร์ ติดตามด้วยนักลงทุนจากไทยเงินลงทุน 66 ล้านดอลลาร์ ไต้หวันเป็นอันดับ 3 ด้วยเงินทุน 41 ล้านดอลลาร์

นักลงทุนส่วนใหญ่เข้าไปในกัมพูชาด้วยความสนใจเข้าลงทุนด้าน การท่องเที่ยว น้ำมันและก๊าซ เหมืองแร่ ซีเมนต์ และสิ่งทอ.
กำลังโหลดความคิดเห็น