นับตั้งแต่ทางการประกาศนโยบาย "จิตนาการใหม่" เปิดประเทศเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หัวใจสีม่วงๆ ในลาวก็เริ่มเบ่งบานมาเป็นลำดับ มิได้เงียบเหงาอีกต่อไป ภายใต้เงาระบอบคอมมิวนิสต์
เรื่องนี้ต้องขอบคุณสถานีโทรทัศน์ไทยที่นำข่าวสารใหม่ๆ ไปให้ชาวเกย์ได้รับทราบอยู่เสมอๆ เช่นเดียวกันกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ ที่ทำให้ชาวเกย์-เลสเบียน (Lesbigay) ไม้ป่าเดียวกันไปมาหาสู่กันได้อย่างคล่องตัว.. แบบไร้พรมแดน
หลังจากกล้าๆ กลัวๆ มานานปี วันนี้พวกเขาเริ่มออกปรากฏตัวในบาร์ในผับสำหรับกลุ่ม หลายคนเริ่มกล้าออกปรากฏตัวในคอฟฟี่ช็อป โรงแรมลาวพลาซ่า หรือ ในมุมสลัวข้างบาร์ ร้านอาหารชั้นนำ หรือ ร้านกินดื่มแห่งต่างๆ ที่มีชาวต่างชาติพลุกพล่าน
หลายคนไม่ว่าแก่หรือหนุ่ม เลิกปริวิตกที่จะเปิดตัวเองว่าเป็นกระเทย หมดสิ้นยุคแห่งความร้อนรน หัวใจสีม่วงพองโตและเบ่งบาน ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งในเวียงจันทน์ และในหลวงพระบาง
อย่างไรก็ตาม ทางการคอมมิวนิสต์ลาวไม่มีทางที่จะสนับสนุน หรือเห็นดีเห็นงามกับประชากรที่หลงใหลในความงามแห่งเพศเดียวกัน ไอ้ที่จะไปเดินวัดแกว่ง วี้ดว้ายกระตู้วู้ ตามถนนสามแสนไท หรือ ถนนเสดถาทิลาด นั้นอย่าเพิ่งหวังจะได้เห็น
ถ้าหากคิดว่าจะได้เห็นผู้ฝักใฝ่ในป่าเดียวกัน เดินจูงมือเป็นคู่ๆ หรือ ไปจูบกันจ๊วบจ๊าบอยู่หาดดอนจันทน์ ย่านโรงแรมร้านช้างนั้น ก็เป็นอันลืมได้เลย
แต่ช่างเถอะ.. ทุกปัญหามีทางออก ตามผับ ไนต์คลับหรูหลายแห่งในนครหลวง จึงเป็นแหล่งที่ผู้ฝักใฝ่ในรสนิยมเดียวกันไปพบปะกันได้ โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตามไปรังควาน
ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่มีผู้ตั้งกระทู้เอาไว้ในเว็บ Global Gay และ มีการอัพเดทมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงเดือน มี.ค.นี้ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ สำหรับเพื่อนหญิงเพื่อนชายกลุ่มฝักใฝ่ในเพศเดียวกัน
"หากคุณเป็นคนแสวงหา คุณก็จะพบสิ่งที่อยากพบ.." นี่เป็นคำบอกเล่าผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว จากผู้ที่ติดตามความเป็นไปในลาวมานานปี
เรื่องราวเช่นนี้มีให้หาอ่านได้ในเว็บไซต์อีกหลายแห่งของชาวรักรวมเพศ จากประสบการณ์ตรงของบผู้ที่ผ่านไปพบมา
"ในปี 2542 ก่อนจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มีคนแนะนำว่าผมควรจะติดต่อกับเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งเสียก่อน.. แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องนัดหมายอะไรอีกแล้ว.. หิ้วกระเป๋าไปได้เลย" ผู้ที่ใช้ชื่อว่า "ริชาร์ด แอมม่อน" เขียนเอาไว้ใน Global Gay ในเดือน มี.ค.นี้
“แอมม่อน” เขียนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความสำเร็จของ "ลอว์เรนซ์" หนุ่มอเมริกัน กับ "สุ" หนุ่มลาววัย 22 ปี ซึ่งเป็นทั้งคู่ชีวิตและร่วมกันเป็นเจ้าของภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งในเวียงจันทน์ ซึ่งเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสและไวน์ชาโตเกรดดี- ทั้งคู่พบกันในกรุงเทพฯ ก่อนจะตกลงร่วมหอลงโรง รวบรวมทุนรอนไปตั้งหลักกันในเมืองหลวงของลาว
นอกจากนั้นก็ยังเขียนถึง "ลาง" พี่สาวของ "สุ" วัย 40 ปี กับหญิงสาวที่ชื่อ "น้ำ"
สาวใหญ่ "สุ" นั้นตัดผมสั้น ทำให้ดูเหมือนว่าวัยเพิ่งจะ 25 หยกๆ 26 หย่อนๆ ส่วน "น้ำ" นั้นเพิ่งจะ 22 เธอดูสวยบริสุทธิ์ แน่นอนทั้งสองเป็นคู่แท้เลสเบียน
นี่เป็นประชาคมชาวรักร่วมเพศเล็กๆ ประชาคมหนึ่ง เป็นเพียงส่วนน้อยนิดของประชาคมเดียวกันในเมืองหลวงของลาว
"แน่นอน การรับรู้เรื่องเกย์กับเลสเบียนในหมู่ประชาชนชาวลาวมันสูงขึ้นทุกวันๆ เราไม่มีกฎหมายหรือกฎระเบียบใดๆ ที่อนุญาตให้ผู้ชายหรือผู้หญิงแต่งานกันได้ แต่พวกเราก็สามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ.." ชาวลาวที่ใช้ชื่อว่า "ต้น" เขียนเอาไว้ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.2546
ต้นยังบอกว่าในปัจจุบันพวกรสนิยมเดียวกันจะออกเพ่นพ่านตามภัตตาคารหรู บาร์ ร้านกินดื่มๆ ต่างๆ หนาตาขึ้นทุกวันๆ ไม่ต่างกันกับในหลวงพระบาง
อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะจูงมือกันเข้าโรงแรมอย่างง่ายๆ นั้นแทบจะถูกปิดตาย เมื่อหญิงกับชายจะเข้าเช็คอินในโรงแรม ทั้งคู่จะต้องแสดงทะเบียนสมรส ถ้าหากชายกับชาย หรือหญิงกับหญิงจะจูงมือกันขึ้นห้องบ้าง ก็จะต้องตอบคำถามอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่โรงแรมหรือแม่บ้านที่ถูกฝึกมาอย่างดี คอยสอดส่องดูแลว่ามีอะไรที่ผิดปกติในห้องพักห้องไหนบ้าง
ทั้งนี้ก็เพราะว่ากฎหมายของลาว ระบุชัดห้ามมิให้ชายหรือหญิงใดมีเพศสัมพันธ์กับหญิงหรือชายที่มิใช่ภรรยาหรือสามีของตน ความผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มีทั้งโทษปรับและโทษจำคุก
ในเมืองหลวงพระบางมีภัตตาคารกึ่งบาร์ที่ชื่อ "ขอบใจ" เจ้าของชื่อ "สมพอน" เป็นหนุ่มเกย์ บรรยากาศในร้านดีมาก สบายๆ เป็นกันเอง ที่นั่นสามารถไปนั่งคอยสบตากับหนุ่มๆ ชาวพื้นเมืองและหนุ่มหล่อจากต่างแดนได้
ภัตตาคาร “ขอบใจ” อยู่บนถนนที่จะไปแม่น้ำขัน ใกล้กับวัดอะไพ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพูสี ตุ๊กตุ๊กรู้จักดีกันทุกคน แต่น่าเสียดายร้านเปิดถึงแค่เที่ยงคืนตามระเบียบของทางการ
"บาร์ขอบใจกับบาร์ลาวการ์เดน ที่อยู่ตรงข้ามฝั่งถนน เป็นแหล่งสุดยอดสำหรับการหย่อนใจ และพบปะกับชาวเกย์ในท้องถิ่น ชาวลาวเป็นคนติดดิน อัธยาศัยไมตรีดีมาก ชอบสนุก ผมต้องใช้เวลาอีก 1 วัน กับ 3 คืน สนุกกับเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งที่ทำให้ผมรู้จัก (เพื่อนชาย) คนอื่นๆ อีกเยอะแยะ.." ผู้ที่ใช้ชื่อว่า "fsnyc" บันทึกต่อกระทู้เอาไว้วันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา
ผู้มีประสบการณ์อีกคนหนึ่งเขียนถึง "Couleur Cafe" คอฟฟี่ช็อปหรู ตั้งอยู่ในบ้านเก่าแก่หลังหนึ่ง ที่ถนนบ้านวัดนอง เจ้าของเป็นหนุ่มเกย์ เสิร์ฟเมนูอร่อยกับดนตรีแจ๊ซ
อีกคนเขียนถึง "Cafe Regina" ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป ที่ถนนสีสะหว่างวง ชาวเกย์ชอบแวะไปทานอาหารที่นั่นทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยงวันและมื้อเย็น ปะปนกับผู้คนทั่วไป ทั้งชาวลาวและชาวต่างประเทศ
ทั้งหมดนี้ก็ไม่ต่างไปจาก "หงค้อฟฟี่ช้อป" (Hong's Coffee Shop) ในเขตบ้านทองจะเลิน ถนนท่อนคำ บรรยากาศทั้งอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ เปิดบริการทั้งวัน มีห้องชมทีวีและวิดีโอ เป็นที่พบปะของผู้คนมากหน้า รวมทั้งหนุ่มๆ หน้าตาหล่อเหลา..
วกกลับไปที่เวียงจันทน์ "ต้น" ได้เขียนเอาไว้ทั้งแต่ 2 ปีก่อน เกี่ยวกับดิสโกเธคที่โรงแรมโนโวเทล กลางเมืองหลวง ..
"ที่ดีเจเธค (DJteck) ข้างๆ โนโวเทล มีเกย์เท่ๆ ล่อๆ ไปที่นั่นเยอะ (จะไปกันจนแน่นในคืนวันเสาร์) ผมคิดว่ามีหนุ่มเกย์ที่หล่อเหลาและเป็นมิตรมากกว่าที่เธค –อะโพคะลิปส์นาว- (Apocalypse Now) ในนครโฮจิมินห์เสียอีก"
หัวใจสีม่วงในลาวไม่เคยเหงา .. มันเป็นเช่นนี้นานมาแล้ว.