ผู้จัดการรายวัน- พรรคประชาชนปฏิวัติลาวได้เลือก พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน รองประธานประเทศ ขึ้นเป็น "เลขาธิการใหญ่" (General Secretary) คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้นำสูงสุดในระบบพรรคคอมมิวนิสต์ และ เป็นการรื้อฟื้นเอาระบบนี้กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีการฟื้นเอาระบบคณะเลขาธิการพรรค (Secretariat of the Central Executive Committee) กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับในระบบพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนและเวียดนาม
พล.ท.จูมมาลี ได้รับเลือกขึ้นเป็นผู้นำพรรคแทน พล.อ.คำไต สีพันดอน อดีตประธานคณะบริการงานศูนย์กลางพรรค และประธานประเทศ การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในตอนบ่ายวันอังคาร (21 มี.ค.) วันสุดท้ายของการประชุมใหญ่พรรคครั้งที่ 8 (8th Party Congress) หรือ "สมัชชาสมัยที่ 8" ของพรรค โดยการเป็นประธาน ของ พล.ต. ดวงใจ พิจิต กรรมการกรมการเมืองและรมว.กระทรวงป้องกันชาติ
"ที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เลือกสหายจูมมาลี ไซยะสอน เป็นเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรค.." วิทยุกระจายเสียงแห่งชาติที่ “ผู้จัดการรายวัน” รับฟังในกรุงเทพฯ อ้างผลการเลือกตั้งซึ่งประกาศในที่ประชุม โดย นายทองสิง ทำมะวง เจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ กรรมการกรมการเมืองอาวุโสคนหนึ่ง
พร้อมกันนั้น นายทองสิง ได้ประกาศรายชื่อ คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคชุดที่ 8 ที่ประกอบด้วยกรรมการศูนย์กลางพรรครวม 55 คน เพิ่มขึ้นจาก 53 คนในสมัยที่แล้ว ซึ่งในนั้นมี 3 คน ถึงแก่กรรมระหว่างสมัยประชุม
มีนักคอมมิวนิสต์รุ่นเก่าหายหน้าไปจากบัญชีรายชื่อคณะบริหารงานศูนย์กลางฯ ชุดใหม่หลายคน ขณะเดียวกันก็มีการแต่งตั้งกรรมการศูนย์กลางเลือดใหม่อีกนับสิบคน รวมทั้ง นายสอนไซ สีพันดอน กับ พ.อ.สันยาฮัก พมวิหาน บุตรชายของ พล.อ.คำไต และ นายไกสอน พมวิหาน อดีตผู้นำสูงสุดของพรรค
นายสอนไซ เพิ่งได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นรองเลขาพรรค-รองเจ้าแขวง แขวงจำปาสักซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของอดีตผู้นำเมื่อต้นปีนี้ ส่วน พ.อ.สันยาฮัก เป็นรองหัวหน้ากรมใหญ่วิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์ กองทัพประชาชนลาว
ขณะเดียวกัน ดร.ไซสมพอน พมวิหาน หัวหน้าคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ สภาแห่งชาติ บุตรชายอีกคนหนึ่งของนายไกสอน ก็ยังได้รับเลือกเป็นกรรมการศูนย์กลางพรรคอีกสมัยหนึ่งด้วย
ที่ประชุมยังได้เลือกกรรมการกรมการเมืองชุดใหม่ รวม 11 คน ซึ่งรวมทั้ง นายสมสะหวาด เล็งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กับ นางปานี ยาทอตู้ รองประธานสภาแห่งชาติ และ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติลาว ทำให้นางปานี เป็นสตรีคนแรกของลาวที่มีโอกาสเข้าขึ้นสู่องค์กรอำนาจสูงสุดของพรรค
เนื่องจากระหว่างสมัยประชุมมีกรรมการกรมการเมืองเสียชีวิตไป 1 คน คือ พล.ท.โอสะกัน ทำมะเมวา และ พล.อ.คำไต ที่ก้าวลงจากอำนาจ จึงทำให้กรมการเมืองชุดใหม่ มีจำนวน เท่าเดิม คือ พล.ท.จูมมาลี พล.ท.สะหมาน วิยาเกต นายทองสิง ทำมะวง นายบุนยัง วอละจิต พล.อ.สีสะหวาด แก้วบุนพัน พล.ต.อาซาง ลาวลี นายบัวสอน บุบผาวัน ดร.ทองลุน สีสุลิด พล.ต.ดวงใจ พิจิต นายสมสะหวาดและนางปานี ตามลำดับ
นอกจากนั้นยังมีการเลือกตั้งคณะเลขาธิการพรรคประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 7 คน ซึ่งได้แก่ พล.ท.จูมมะลี นายบุนยัง พล.ต.อาซาง พล.ต.ดวงใจ นายบุนทอง จิตมะนี หัวหน้าคณะกรรมการจัดตั้งศูนย์กลางพรรค นายสมบัด เยียลีเฮอ เลขาพรรค-เจ้าแขวง แขวงไซยะบูลี และ นายทองบัน แสงอาพอน รมว.กระทรวงป้องกันความสงบภายใน
กรรมการศูนย์กลางพรรคที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวน 20 คน (36.36%) อายุ 46-59 ปี จำนวน 33 คน (60%) อายุต่ำกว่า 45 ปี จำนวน 2 คน (3.6%) อายุสูงสุด คือ 79 ปี อายุต่ำสุด 38 ปี คิดเป็นอายุเฉลี่ย 57 ปี ในนี้มี 2 คน ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน กรรมการศูนย์กลางฯ ส่วนใหญ่ผ่านการศึกษาอบรมทฤษฎีมาร์ก-เลนิน ในนั้นมี 18 คนที่เรียนสำเร็จระดับปริญญาโทขึ้นไป ซึ่งคิดเป็น 32.7% ของทั้งหมด ทั้งนี้เป็นรายงานของสถานีวิทยุแห่งชาติ
ปัจจุบัน พล.อ.คำไต อายุ 82 ปี การก้าวลงจากอำนาจเป็นการยุติบทบาททางการเมืองและการทหารอันยาวนานกว่า 55 ปี ภายใต้การนำของ นายไกสอน พนมวิหาน ผู้ก่อตั้งกองทัพประชาชนลาว กับ ขบวนการปะเทดลาว ซึ่งกลายมาเป็นพรรคประชาชนปฏิวัติลาวในปัจจุบัน
หลังจากฝ่ายคอมมิวนิสต์ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่สหรัฐฯ ให้การหนุนหลังในกรุงเวียงจันทน์ ในวันที่ 2 ธ.ค. 2518 พล.อ.คำไต ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันประเทศและผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพมายาวนาน ภายใต้การนำของนายไกสอน จนกระทั่งขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2534 และ ในปี 2541 ก็ได้ขึ้นสู่เป็นประธานประเทศ
สภาแห่งชาติชุดใหม่หลังการเลือกตั้งวันที่ 30 เม.ย.จะทำหน้าที่ เลือกประธานประเทศ หรือประมุขแห่งรัฐ เพื่อเข้าทำหน้าที่แทน พล.อ.คำไต.