เวียดนามเน็ต - คู่สามีภรรยาที่มีปัญหาตั้งครรภ์ยากมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประสงค์จะบริจาคไข่ในมดลูกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย บ่อยครั้งที่หญิงสาวยากจนที่มีรายได้ไม่มากนัก กลับกลายเป็นหญิงที่ร่ำรวย จากการขายไข่ แต่ก็เป็นการกระทำที่เสี่ยงและยากที่จะดูแลป้องกันอันตรายต่อสุขภาพได้
ในหมู่บ้านเล็กๆที่ยากจนแห่งหนึ่ง ในภาคกลางเวียดนาม มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งฟังเรื่องราวจากผู้หญิงอีกคนอย่างตั้งใจ วัน หญิงสาวที่ขายไข่ในมดลูกของตัวเอง กำลังเล่าเรื่องราวการหาเลี้ยงชีพของเธอให้กับคนในหมู่บ้านฟัง เธอนั้นเคยเลี้ยงชีพด้วยการเก็บกวาดพื้นในหมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย
ในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยคนงานที่ยากจน วันที่เคยมีชีวิตอย่างยากลำบาก ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ แต่วันหนึ่งก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น วันสวมกางเกงยีนส์และเข้าร้านทำผม ที่เธอไม่เคยเข้ามาก่อน เธอมีมือถือเครื่องใหม่และรถจักรยานยนต์ หญิงสาวในละแวกใกล้เคียงต่างรู้สึกอิจฉาและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
วัน ไม่ใส่ใจข่าวลือต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ ในเรื่องแหล่งที่มาของรายได้ที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจนอยู่อย่างอดอยากจนใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย วันใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ จน 1 เดือนต่อมาเธอก็ป่วย จนมีผู้หญิงคนหนึ่งมาพบเธอ และได้รู้ความลับว่าเธอนั้น หารายได้จากการขายไข่ในมดลูกของเธอ ที่นครโฮจิมินห์
ผู้หญิงในหมู่บ้านต่างเดินทางมาหาวัน ด้วยความยากรู้อยากเห็นต่อข่าวอันแปลกประหลาดนี้ พวกเธอต่างรู้สึกสนใจในการขายไข่ และการได้มาซึ่งรายได้ที่รวดเร็ว
"ฉันทำเงินได้ 6 ล้านด่งจากการทำสิ่งนี้ เพียงแค่ยอมเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง" วัน กล่าวถึงการกระทำของเธอด้วยความกล้าในการทำสิ่งดังกล่าว
"ชั้นเพียงแค่ทำไป เพราะชั้นไม่ต้องการไข่ แต่ยังมีผู้หญิงอีกมากที่ต้องการมัน เพื่อตั้งครรภ์" เธออธิบาย เธอกล่าวว่า เธอได้ความคิดดังกล่าว หลังจากได้ยินเรื่องราวของหญิงเวียดนามคนหนึ่งที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา 1 ปี ผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
วัน จึงได้ตัดสินใจไปขายไข่ของเธอที่นครโฮจิมินห์ ซึ่งเธอต้องพบกับคู่สามีภรรยา และยินยอมที่จะมอบไข่ให้ หลังจากที่วัน ขายไข่ไปทั้งหมด 3 ครั้ง วันก็กลายเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวยทันที และเธอก็กลายเป็นตัวแทนผู้จัดหาไข่ ให้กับเหล่าผู้หญิงที่ต้องการขาย และสำหรับผู้ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ โดยราคาสำหรับการย้ายไข่อยู่ที่ 6-8 ล้านด่ง (375-500 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งวันได้จะได้รับค่าตอบแทน 500,000 ด่ง (31.25 ดอลลาร์สหรัฐ) วันเริ่มมีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆและในหมู่บ้านของเธอกลายเป็นที่รู้จักในนาม "หมู่บ้านขายไข่"
ดาว หญิงสาวที่มอบไข่ให้กับผู้หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน กล่าวว่า "ในตอนแรกก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่เงินจำนวน 6 ล้านด่ง เป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับฉันทีเดียว และสำหรับครอบครัวเรา เราต้องทำงานมากกว่า 10 ปีถึงจะมีเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้"
ตามรายงานของโรงพยาบาล Tu Du ที่ให้คำปรึกษาผู้ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์เองได้ ระบุว่า ความต้องการตัวอ่อนทารกเพิ่มขึ้นในหมู่สามีภรรยาที่มีความหวังอยากตั้งครรภ์ และผู้หญิงอีกหลายคนมีความตั้งใจที่จะมอบไข่ของพวกเธอให้ ในปี 2548 โรงพยาบาล Tu Du ได้ทำการปลูกถ่ายไข่ และตัวอ่อน ไปแล้วทั้งหมด 349 ราย ซึ่งประสบความสำเร็จในอัตรา 47.6%
คนไข้รายหนึ่งของโรงพยาบาล นามว่า พี จากภาคเหนือ ใช้เวลาและเงินเป็นจำนวนมากไปกับการพยายามตั้งครรภ์ ในที่สุด นายแพทย์ของโรงพยาบาลได้แนะนำวิธีการซื้อไข่จากผู้บริจาค แล้วทำการปลูกถ่ายให้กับ พี เธอรับฟังคำแนะนำและเริ่มออกตามหาผู้หญิงที่เหมาะสม ที่สามารถให้ไข่ที่สมบูรณ์แข็งแรงแก่เธอได้ ซึ่งใช้เวลาเกือบปี เธอจึงได้พบผู้บริจาคไข่ที่เหมาะสม ซึ่งนับว่าโชคดีทีเดียว เพราะมีคู่สามีภรรยาอีกหลายคนล้มเลิกความตั้งใจที่จะมีลูก เนื่องจากไม่สามารถหาผู้บริจาคที่เหมาะสมได้ หรือไม่สามารถทำตามขั้นตอนการปลูกถ่ายตัวอ่อนได้
ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงในการเจริญเติบโตตัวอ่อนในการผสมเทียมนอกมดลูกนี้ แต่ก็สามารถสร้างโอกาสให้กับหญิงยากจนได้มีรายได้ ซึ่งข้อมูลของคนไข้จะถูกเก็บเป็นความลับ และผู้ที่บริจาคไข่ของตนจะได้รับมอบหมายให้บริจาคให้เพียง 1 คู่เท่านั้น แต่ก็เป็นการยากที่จะควบคุมตรวตราว่าผู้บริจาคได้ขายไข่ไปกี่ครั้งแล้ว
"เราสามารถติดตามดูแลผู้หญิงที่รับไข่ไปโดยการติดตามดูการตั้งครรภ์ของพวกเธอ แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่า เมื่อไหร่ที่ผู้บริจาคจะสามารถบริจากไข่ได้อีกครั้ง เนื่องจากวิธีการย้ายไข่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริจาค" ดร.หง็อกเซือง จากโรงพยาบาลหุ่งเวือง กล่าว.