กรุงเทพฯ- ทางการลาวเปิดแผนการใหญ่โครงการผลิตกระแสไฟฟ้ารวม 25 โครงการ ซึ่งการก่อสร้างจะเริ่มแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2553 นี้เป็นต้นไป ทั้งเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในประเทศและผลิตเพื่อส่งออกจำหน่าย ในนั้นมีโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำรวมอยู่ด้วย 23 แห่ง ทั้งนี้เป็นไปตามแผนการที่จะทำให้ลาวเป็น "แบตเตอรี่แห่งภูมิภาค"
โครงการทั้งหมดนี้มีกำลังติดตั้งในการผลิตกกระแสไฟฟ้ารวมกันถึง 7,346 เมกะวัตต์ นายอ่อนเนื้อ พมมะจัน รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม และหัตถกรรม รายงานต่อกองประชุมใหญ่ครั้งที่ 4 ขององค์คณะพรรคกระทรวงอุตสาหกรรม และหัตถกรรม ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในนครหลวงเวียงจันทน์ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ "เวียงจันทน์ใหม่"
โครงการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวนั้น มี 8 โครงการ ที่ออกแบบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าภายในประเทศ รวมกำลังติดตั้ง 484 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 17 โครงการ มีกำลังติดตั้งรวมกัน 6,862 เมกะวัตต์ จะผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งจำหน่ายให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน และภายในปี 2553 นี่ ทั่วทั้งประเทศจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นถึง 11.80 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะสามารถผลิตได้เพิ่มมากขึ้นปีละ 33.51% โดยเฉลี่ย
ทั้งหมดนี้เป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้พลังงานความร้อนจากถ่านหินจำนวน 2 โครงการ และเป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำอีก 23 โครงการ นอกจากนั้นทางการลาวโดยบริษัทไฟฟ้าลาว (EDL) ยังมีโครงการติดตั้งส่งไฟฟ้าเชื่อมภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ทำให้จำนวนครอบครัวในทั่วประเทศได้มีไฟฟ้าใช้เป็นปกติ 70% นายอ่อนเนื้อกล่าว
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวภายในปี 2553 ทางการลาวโดยกระทรวงอุตสาหกรรมฯ จึงต้องสนับสนุนการก่อสร้างโครงการเขื่อนไฟฟ้า เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ภายในประเทศจำนวน 8 โครงการ ได้แก่ โครงการเขื่อนไฟฟ้าเซเสด 2 เขื่อนเซโปน 3โรงไฟฟ้าถ่านหินเวียงพูคา น้ำสิม น้ำแบ่ง น้ำงึม 5 น้ำเลิก ห้วยสำพันใหญ่ และโครงการไฟฟ้าขนาดเล็กจำนวนหนึ่ง ซึ่งบรรดาโครงการดังกล่าวนี้ มีความจำเป็นต้องได้พัฒนา เพื่อสามารถสร้างพื้นฐานโครงร่าง รับใช้ให้แก่การก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรม และความทันสมัย
กระทรวงอุตสาหกรรม และหัตถกรรม ยังได้เอาใจใส่ติดตามการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งออกจำนวน 17 โครงการ ซึ่งจำนวนหนึ่งเริ่มการก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2553 คือ เขื่อนน้ำเทิน 2 เขื่อนเซขะหมาน 3 เขื่อนน้ำเทินเทินหินบูนส่วนต่อขยาย เขื่อนน้ำงึม 2 และเขื่อนน้ำโม้ ซึ่งมีกำลังติดตั้งรวมทั้งหมด 2,400 เมกะวัตต์
โครงการอีกส่วนหนึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการก่อสร้าง เช่น โครงการเขื่อนน้ำงึม 3 โรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย เขื่อนน้ำเงียบ 1 เขื่อนน้ำเทิน 1 เขื่อนเซขะหมาน 1 รวมทั้งกำลังหาข้อสรุปโครงการเขื่อนน้ำอู 8 และโครงการเขื่อนน้ำทา 1 ด้วย
ทางการลาวยังมีโครงการก่อสร้างสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ เพื่อเชื่อมต่อกับบรรดาประเทศใกล้เคียง เนื่องจากลาวตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางของอนุภูมิภาค การพัฒนาระบบสายส่งแห่งชาติ เชื่อมต่อระบบสายส่งอนุภูมิภาค และอาเซียน จึงเป็นปัจจัยสำคัญ
ไทยเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อกระแสไฟฟ้าจากลาว เมื่อปี 2540 ได้มีการลงนามขอซื้อพลังงานไฟฟ้าจากลาว 3,000 เมกะวัตต์ระหว่างปีนั้นจนถึงสิ้นปี 2549 ต่อมาไทยได้แสดงเจตจำนงจะขอซื้อกระแสไฟฟ้าจากเพิ่มขึ้นเป็น 5,000-6,000 เมกะวัตต์ โดยมีการประชุมหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับความตกลงระหว่างผู้แทนรัฐบาลทั้งสองประเทศในวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ที่กรุงเทพฯ
ก่อนหน้านี้ฝ่ายไทยได้ตกลงจะซื้อไฟฟ้าจาก 6 โครงการของลาว คือ เขื่อนน้ำงึม 2 และ 3 น้ำเงียบ 1 น้ำเทิน 1 น้ำเทินหินบูน เซเปียน-เซน้ำน้อย และหงสาลิกไนต์ ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว.