กรุงเทพฯ- นักธุรกิจลาวพบช่องทางใหม่ ยึดพื้นที่แขวงเวียงจันทน์ลงทุนขยายการเพาะปลูกไม้หอมกฤษณาเพื่อกลั่นน้ำมันหอมป้อนตลาดโลกที่มีความต้องการสูงมาก ซึ่งในปัจจุบันสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประเทศที่ส่งออกไม้หอมและน้ำมันกฤษณารายใหญ่ของโลกอยู่แล้ว
พิธีลงนามในข้อตกลงการลงทุนปลูกไม้กฤษณาจัดขึ้นที่โรงแรมลาวพลาซ่าในวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาระหว่าง นายอูสะหวัน เที่ยงเทบวงสา ประธานบริษัทลาว-อาเซียน-นิเวศ จำกัด (มหาชน) กับ บริษัทคำไพ ซะนะ ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งจะมีการลงทุนในชั้นต้นประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว (ขปล) ของทางการ
ไร่ไม้กฤษณาแปลงใหม่จะมีเนื้อที่กว่า 1,200 เฮกตาร์ หรือกว่า 7,500 ไร่ ในเขตป่าเขาเมืองหินเหิบ แขวงเวียงจันทน์ เนื่องจากไม้กฤษณาธรรมชาติ เจริญเติบโตในพื้นที่ที่มีความสูงจากน้ำทะเลราว 300 เมตรขึ้นไป
นายอูสะหวันกล่าวว่า ปัจจุบันตลาดที่ต้องการไม้กฤษณามากที่สุดคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ชาติอิสลามต่างๆ ซึ่งรวมทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งนอกจากจะนำไปใช้ทางการแพทย์และการผลิตน้ำหอมราคาแพงแล้วก็ยังเชื่อกันว่า ไม้กฤษณาเป็นไม้นำโชค ทำให้ไม่สามารถผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดได้ นายอูสะหวันกล่าว
ผู้ร่วมทุนทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะพัฒนาด้านเทคนิคในการเพาะปลูก การดูแลรักษาและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณาเป็นสินค้าสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป การตลาด เพื่อส่งออกสู่ตลาดใหม่ๆ ผู้ลงทุนยังได้เชิญชวนนักลงทุนในท้องถิ่นต่างๆ เริ่มขยายแปลงเพราะปลูก โดยบริษัทลาว-อาเซียนนิเวศ จะช่วยหาต้นกล้าไม้กฤษณาคุณภาพดีให้และรับซื้อผลผลิตในอนาคต
ใน สปป.ลาวมีการเก็บเกี่ยวและตัดโค่นไม้กฤษณามานานนับสิบๆ ปี เพื่อนำออกจำหน่าย ทำให้ป่าถูกทำลายมากและต้นไม้ชนิดนี้นับวันหายาก
กฤษณาเป็นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ขึ้นได้ดีในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 300-2,000 เมตร เป็นไม้ยืนต้นขานาดกลาง เมื่อเป็นต้นไม้ที่โตเต็มที่จะมีความสูงตั้งแต่ 25-30 เมตร กระจายในเขตป่าดิบตั้งแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ปากีสถาน พม่า ลาว จนถึงป่าในภาคเหนือเวียดนาม โครงการลงทุนนี้จะทำให้ สปป.ลาวเป็นประเทศที่ปลูกไม้หอมชนิดนี้มากที่สุดในโลก.