ชายหนุ่มจาก จ.ด่งนาย (Dong Nai) ผันตัวเองจากอาชีพครู กลายมาเป็นนักสัตววิทยาที่มาพร้อมกับความสำเร็จในการเพาะพันธุ์แมงป่อง จิ้งจก กบ และตุ๊กแก เพื่อส่งออกเป็นสัตว์เลี้ยงพิสดาร สร้างรายได้ให้กับครอบครัวเดือนละกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยง่ายๆ ก็เดือนละกว่า 800,000 บาท
นายเล กี๊ ฟุง (Le Ky Phung) ในปัจจุบันเป็นเจ้าของฟาร์มฟู๊อัน ในนิคมเติ่มเฟื๊อก (Tam Phuoc) ในเขต อ.ลองแถ่ง (Long Thanh) จ.ด่งนาย ในฟาร์มมีกรงกว่า 117 ใบ เป็นที่อาศัยของสัตว์เลี้ยงกว่า 80,000 ตัว เขาสามารถสร้างรายได้จากสัตว์เลี้ยงพิสดารเหล่านี้ได้เดือนละหลายหมื่นดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว
ตามสถิติคร่าวๆ นายฟุงส่งออกแมงป่อง กบ และจิ้งจก ประมาณ 10,000-15,000 ตัวต่อเดือน ในแต่ละปียังส่งออกงูหลามจำนวน 5,000 -10,000 ตัว กับหนังงูที่ยาวเกือบ 100,000 เมตร ส่งไปยังสหัฐฯ และยุโรปตะวันตก
แต่เดิมมีอาชีพเป็นครูอยู่ใน จ.ก่าเมา แต่ในปี 2533 ได้พาครอบครัวย้ายเข้านครโฮจิมินห์ และหาเลี้ยงด้วยการตัดเสื้อผ้าสำหรับเด็ก แต่มาวันหนึ่งในระหว่างเดินทางพร้อมกับภรรยา เพื่อไปซื้อของที่ตลาด นายฟุงก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งมุงดูอะไรบางอย่าง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาเลยเดินเข้าไปดู และพบว่า เป็นกลุ่มคนที่ขายตุ๊กแก
เขาตัดสินใจซื้อตุ๊กแกมา 4 ตัว เพื่อนำไปเลี้ยงที่บ้านยามว่าง ไม่กี่สัปดาห์ผ่านไป นายฟุงได้สังเกตเห็นว่าไข่ตุ๊กแกที่อยู่บนพื้นเปียกเท่านั้นที่ฟักเป็นตัวออกมา
"นั่นเป็นบทเรียนแรกของผมในการแพร่พันธุ์ตุ๊กแก" นายฟุง เล่าอย่างตื่นเต้น
ในช่วงปี 2533 ที่ดินใน อ.ลองแถ่ง ยังราคาถูกมาก นายฟุงซื้อที่ดินเป็นบริเวณกว้างเพื่อทำฟาร์ม โดยเริ่มขยายพันธุ์ตุ๊กแกและอีกัวน่า หลังจากที่มีชาวมาเลเซียมาแวะชมฟาร์ม เขาก็ได้รับใบสั่งสินค้าเป็นตุ๊กแกและอีกัวน่าหลายพันตัวต่อเดือน
หลังจากการเยือนของชาวมาเลเซียผ่านไป นายฟุงได้รู้เพิ่มเติมว่า ชาวตะวันตกเองก็ชอบเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ ซึ่งทำให้เขาได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าชาวแคนาดา สหรัฐ เยอรมัน และสเปน แต่นายฟุงก็ต้องพบกับอุปสรรคในการทำธุรกิจกับลูกค้าชาวต่างชาติ เนื่องจากเขาไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และใช้อินเตอร์เน็ตไม่เป็น ทำให้ธุรกิจของเขาติดขัด เขาเลยเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการส่งอีเมล์และร่างสัญญาทางธุรกิจเป็นภาษาอังกฤษ
ไม่นานต่อมา นายฟุงสามารถต่อรองข้อตกลงกับลูกค้าชาวต่างชาติได้ด้วยตัวของเขาเอง นอกจากนั้น ลูกค้าต่างเรียกร้องให้เขาเพิ่มชนิดสัตว์ป่าให้มากขึ้น เขาก็เลยตัดสินใจเลิกทำการค้าขายเสื้อผ้า เพื่อให้ความสนใจกับการพัฒนาฟาร์มสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มที่
ขั้นตอนการเพาะพันธุ์แมงป่อง กบ และจิ้งจก นั้นยากที่จะหาเอกสารหรือหนังสือแนะนำวิธีได้ นายฟุงต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมด เกี่ยวกับลักษณะทางธรรมชาติ อุปนิสัยของสัตว์แต่ละชนิด
"ผมใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเข้าใจพวกมันแต่ละชนิด อย่างพวก ตุ๊กแก มันมักจะปีนต้นไปอยู่บนต้นไม้ในเวลากลางคืน อาบน้ำตอนเช้า และอาบแดดตอนกลางวัน" นายฟุงกล่าว
จากประสบการณ์ที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง นายฟุงได้ออกแบบกรงที่แตกต่างกันออกไปตามสัตว์แต่ละชนิด สร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมือนกับที่พวกมันอยู่อาศัยตามธรรมชาติ สิ่งที่นายฟุงทำไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์สำหรับสัตว์แปลกๆ พวกนี้เท่านั้น นายฟุงยังได้เปลี่ยนฟาร์มให้เป็นสวนสาธารณะ ที่มีสนามหญ้าสีเขียว สวนกล้วยไม้ และ ไม้ประดับหลากหลายชนิดให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าชมด้วย
ฟาร์มของเขา ได้มีโอกาสต้อนรับบุคคลสำคัญระดับประเทศหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ นายนงดึ๊กแหม่ง รองนายกรัฐมนตรี นายเหวียนเติ๋นสวุง รองนายกรัฐมนตรีหวูควาน กระทั่งประธานมูลนิธิสัตว์ป่าแห่งโลก (World Wildlife)
จับทางถูกอะไรๆ ก็ดูง่ายไปหมด.