(บันทึกของผู้สื่อข่าว)
เยือนกัมพูชาทั้งทีนอกจากได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมความอลังการของปราสาทหินโบราณบันทายศรี (Banteay Srie) ปราสาทตาพรม (Ta Prom) ตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม ของปราสาทนครวัด และปราสาทบายน แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดและเราได้มีโอกาสไปเยือนอีกแห่งหนึ่งนั้นคือ "โตนเลสาบ" (Tonle Sap) หรือทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์
ตลอดการเดินทางโดยรถบัสขนาดกระทัดรัดจากตัวเมืองเสียมราฐเรียบไปตามแม่น้ำ ไกด์ชาวเมืองเสียมราฐพูดภาษาไทยสำเนียงน่ารัก บอกกับเราและคณะว่าชื่อแม่น้ำเสียมเรียบ (Siem Riep) เขานำคณะคนไทยกว่า 30 ชีวิตไปตามเส้นทางที่ไม่ดีนัก ยิ่งใกล้ทะเลสาบเท่าใด สภาพถนนยิ่งขรุขระมากขึ้น พื้นถนนยังคงเป็นดินลูกรังสีส้มแดง
ถ้าหากสังเกตดูบ้านเรือนหลังเล็กๆ ตามสองข้างทาง ก็จะไม่สามารถบ่งบอกได้เลยว่าแต่เดิมแล้วหลังคาบ้านหลังนั้นเคยเป็นสีอะไร เพราะตอนนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นสีส้มแดงสดจากดินลูกรังนั่นเอง และในที่สุดเราก็ถึงที่หมายของคณะเราคือ โตนเลสาบ ที่มีบ้านเรือนของชาวประมงปลูกเรียงรายกันเป็นแนวยาวตลอดชายฝั่ง
ไกด์นำพาเราไปขึ้นเรือที่เตรียมไว้ริมน้ำ เราจึงได้เห็นชัดเจนขึ้นว่ามีเรือจอดอยู่ริมน้ำมากมายหลายลำ กลิ่นคาวปลาคละคลุ้งสมแล้วกับที่เป็นหมู่บ้าชาวประมง เรือลำที่พาเรานั่งไปมีขนาดกลาง ดัดแปลงไว้สำหรับรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะสะดวกสบาย พาเราและคณะคนไทยล่องออกไปตามสายน้ำ มุ่งหน้าสู่เวิ้งกว้างกลางโตนเลสาบ
น้ำในโตนเลสาบเป็นลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำโขงที่ไหลมาจากกรุงพนมเปญ ในช่วงที่น้ำในขึ้นสูงสุดนั้น สูงเกือบ 9 ม. เนื่องจากในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย. น้ำในแม่น้ำโขงจะไหลเข้ามาในทะเลสาบนั่นเอง และจะค่อย ๆ ไหลกลับออกอีกทีในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ตามวัฏจักรของธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อเราไปถึงในเดือน ม.ค. นี้ จึงได้มีโอกาสพบเห็นร่องนอยของน้ำที่เคยขึ้นสูงมากในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะยังปรากฎคราบโคลนตามต้นไม้ริมน้ำที่สูงกว่าระดับน้ำตอนนี้มาก
ตลอดสองฝั่งริมน้ำนอกจากจะมีเรือประมงของชาวบ้านแล้วนั้น ยังประกอบไปด้วยสาธารณประโยชน์ต่างๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมาตั้งอยู่ริมน้ำ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเรือนพักอาศัยตกแต่งตามใจผู้อยู่ โรงเรียนทาสีฟ้าสดใส โบสถ์ในคริสตศาสนานิกายคาทอลิค ที่มีภาพวาดสีสรรสดใสประดับอยู่ ร้านอาหารลอยน้ำ โรงพยาบาล รวมกันแล้วช่างเป็นชุมชนเล็กๆ แต่สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
เมื่อเรือของเราไปจอดนิ่งอยู่กลางโตนเลสาบที่ล้อมรอบด้วยผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สิ่งที่ทำให้พวกเราทึ่งอีกอย่างหนึ่งคือ เด็กๆ ในโตนเลสาบพายเรือกันเก่งมาก ภาพเด็กชายกัมพูชา 1 คน กำลังพายเรืออยู่เหนือแผ่นน้ำกว้างใหญ่ จึงเป็นภาพที่น่าประทับใจไม่น้อย
แต่ในความประทับใจ ก็ยังมีความเศร้าเข้ามาเจือปน เมื่อท้ายที่สุดแล้วเราได้ทราบว่าแท้ที่จริงแล้วเด็กๆ ที่เราเห็นพายเรือมุ่งมาที่เรานั้นเขามาเพื่อขอเงินจากเรา ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เรายังคงต้องพบเจออยู่ตลอดที่อยู่ในกัมพูชา กลุ่มเด็กตัวเล็กๆ มอมแมมแกมน่ารัก แต่ต้องมาตั้งตาคอยเฝ้ารอขอเงินจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเยือนถิ่นซึ่งดูแล้วน่าสงสารมาก
จากนั้นเรือก็นำเราไปจอดแวะพักที่ร้านขายของที่ระลึกริมน้ำแห่งหนึ่ง นอกจากที่เราจะได้ชมจระเข้ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ ก็ยังไม่วายที่เราจะต้องพบกับ กลุ่มเด็กที่นั่งอยู่บนกะละมังขนาดพอดีตัว กับไม้พายคู่ใจ จ้ำพายตรงมายังเรือของเราด้วยจุดประสงค์เดิมคือ เพื่อขอเงิน
เมื่อเราปฏิเสธไม่ให้ เด็กๆ ก็จะพากันร้องไห้ มีหยดน้ำตาออกมาให้เห็น หรือไม่ก็ร้องอ้อนวอน ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วเด็กเหล่านั้นเขาร้องไห้จริงหรือเปล่า แต่น้ำตาของเด็กมันก็ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ใจอ่อนได้เหมือนกัน รีบควักเงินที่มีมากน้อยตามกำลังให้เด็กไป ซึ่งแม้ว่าจำนวนจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ถ้ามันสามารถทำให้เด็กกลุ่มนั้นหยุดร้องไห้แล้วกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสสมวัยเหมือนเดิมได้ เราก็คิดว่ามันช่างเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาลยิ่งกว่าเสียอีก
วันนั้นพวกเรานอกจากจะได้เห็นความสวยของธรรมชาติของโตนเลสาบแล้ว เรายังได้เก็บเกี่ยวความงดงามของชีวิตกลับบ้านมาด้วยเต็มใจเลยทีเดียว...