กรุงเทพฯ - หลังจากที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ประเทศกัมพูชา ได้ต่อสู้ด้วยความมานะอดทนฟื้นฟูธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ถูกทำลายลงในช่วงการปกครองระบบคอมมิวนิสต์ ในโอกาสที่กัมพูชาได้หันมาฟื้นฟูวงการภาพยนตร์ที่เคยรุ่งเรือง ทำให้ในวันจันทร์ ( 28 พ.ย.) ที่ผ่านมา ได้มีการจัดเทศกาลภาพยนตร์แห่งชาติ ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยในครั้งนี้ หนังผี สยองขวัญ ที่ส่งเข้าร่วมประกวดในเทศกาลนั้นมีความโดดเด่นเหนือหนังที่เข้าร่วมเรื่องอื่นๆ
โดยหนังทั้งหมด 22 เรื่อง ที่เข้าร่วมฉายในงานครั้งนี้ มี 9 เรื่อง เป็นหนังสยองขวัญ แต่ผู้นำรัฐบาล กลับได้กล่าวกับดารานักแสดง และผู้ผลิตภาพยนตร์ท้องถิ่นที่เข้าร่วมในเทศกาลภาพยนตร์ ว่าหากภาคอุตสหกรรมภาพยนตร์ต้องการที่จะประสบความสำเร็จ จะต้องออกจากความเชื่องมงายในเรื่องไสยศาสตร์ และสร้างสรรค์ผลงานที่มีความเป็นจริงมากกว่านี้ โดยที่ ผู้อำนวยการสร้างหรือผู้กำกับภาพยนตร์ ควรที่จะเลือกแก่นของเรื่อง ที่มุ่งไปยังประเด็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมหันมาชมภาพยนตร์ที่ผลิตภายในประเทศมากขึ้น รองนายกรัฐมนตรีนายโสก อาน กล่าว ในระหว่างพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์
อุตสาหกรรมภาพยนตร์กัมพูชาได้ถูกทำลายโดยกลุ่มคอมมิวนิสต์เขมรแดง ในช่วงปี 2518-2522 ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1.7 ล้านคน จากการขาดอาหาร การประหารชีวิต ทำงานหนัก และโรคระบาด ซึ่งกลุ่มเขมรแดง พยายามที่จะสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมกัน และยังมีความเชื่อว่า ศิลปะ การศึกษา และชนชั้นปัญญาชนนั้น เป็นผู้ที่ต่อต้านการดำเนินการสร้างความเท่าเทียมของกลุ่มเขมรแดง
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้ต่อสู้เพื่อฟื้นฟูวงการภาพยนตร์กลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่การฟื้นฟูของบริษัทผลิตภาพยนตร์หลายร้อยบริษัททำได้เพียงการผลิตหนังแบบมือสมัครเล่น รวมไปถึงการไหลเข้ามาของหนังต่างประเทศที่มีคุณภาพสูง ยิ่งทำให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ในกัมพูชานั้นลดลง เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้
โดยในการจัดฉายภาพยนตร์ในเทศกาลครั้งนี้ นอกจากภาพยนตร์สยองขวัญแล้ว ยังมีภาพยนตร์ประเภทอื่นๆ เข้าฉายอีกด้วย เช่น เรื่อง "Decho Domden" เป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องยกย่องคุณงามความดีของวีรบุรุษกัมพูชาในยุคศตวรรษที่ 12 ที่นำเหล่านักรบขับไล่ผู้บุกรุกออกไปจากประเทศ
เทศกาลภาพยนตร์ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 5 วันนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2533 กรรมการตัดสินจะชมภาพยนตร์ทั้งหมด 22 เรื่อง ก่อนที่จะประกาศผลภาพยนตร์ที่ชนะรางวัลในวันที่ 2 ธ.ค. โดยภาพยนตร์ทั้งหมดจะจัดฉายที่โรงภาพยนตร์จักรตุมุข กรุงพนมเปญ