xs
xsm
sm
md
lg

เอ้าเร๊ววว... ไปกินน้องเหมียวย่างกัน!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ที่เมืองถายบิ่ง (Thai Binh) เขากินเนื้อแมวกันจนเป็นแฟชั่น มื้อกลางวันสำหรับที่อื่นในเวียดนาม ผู้คนอาจจะชวนกันไปทานสุกี้อร่อย หรือ 'เฝอ' รสแซบ แต่หนุ่มๆ สาวๆ ชาวถายบิ่งในจังหวัดชื่อเดียวกันนี้ เค้าจะชวนกันว่า "เอ้าเร๊วววว... มื้อนี้ไปกินน้องเหมียวย่างกัน"

แมวไม่ใช่เมนูโปรดที่จะหารับประทานได้ทุกวัน การกินแมวที่นั่นเป็นแฟชั่น ในช่วงต้นเดือนชาวเมืองถายบิ่งจะตรงไปยังร้านอาหารที่ตนเองชื่นชอบ เพื่อชิมแมวย่างรสนุ่ม พวกเขาเชื่อกันว่ากินแล้วจะช่วยขับไล่สิ่งเลวร้ายทั้งหลายให้พ้นจากชีวิต

พวกพนักงานของรัฐกับมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายนั่นแหละตัวดี ช่วงปลายเดือนพวกเขาจะเริ่มหารือกันว่าเงินเดือนออกหนนี้จะเปิบแบบไหนดี ย่าง หรือว่า ต้มซุป แมวพื้นบ้านหรือว่า "แมวป่า" ซึ่งเป็นเมนูแพงในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ถนนเหวียนถายหง็อก (Nguyen Thai Ngoc)

ในช่วงที่เขากินแมวกันนี้ ริมทางเท้าที่ถนนสายนี้ จะเต็มไปด้วยหัวแมวสีซีดๆ วางเกลื่อนให้เห็นไปทั่ว มองดูสยดสยอง แต่ข้างๆ กันก็มีน้องเหมียวที่ย่างสุกแล้วเต็มตะกร้า กลิ่นแมวย่างที่กรุ่นออกมาจากเตาย่างก็ทำให้ลูกค้าที่เริ่มหิวลืมภาพบาดตานั้นอย่างสิ้นเชิง

น้องเหมียวที่ย่างเสร็จแล้วจะถูกสับเป็นชิ้นๆ ขนาดต่างๆ กัน จัดแจงวางบนจานให้ดูสวยงามน่ารับประทาน แต่ที่สำคัญจะต้องโทรสั่งล่วงหน้า ไม่งั้นต้องไปนั่งรอแง่ก.. เพราะช่วงต้นเดือนลูกค้าที่ร้านแถบนี้จะเยอะมากๆ หลายคนไปจากจังหวัดใกล้เคียง เพื่อไปไล่สิ่งชั่วร้ายโดยเฉพาะ

บางร้านให้บริการแบบครบวงจร ให้ลูกค้าเลือกเอาน้องเหมียวตัวเป็นๆ เพื่อรับประกันความใหม่สด จากนั้นก็ไปยืนดูมันถูกเชือด แล้วตามไปดูถึงเตาย่าง ให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งปลอมปน

ราคาน้องเหมียวแต่ละตัวก็ไม่เท่ากัน เบี้ยน้อยหอยน้อยก็รับประทานแมวเหลือง กระเป๋าตุงขึ้นมาอีกหน่อยก็จะได้กินเจ้าแต้ม 3 สี เจ๋งที่สุดก็จะต้องเป็นเจ้าดำ หรือว่าแมวป่า ซึ่งตัวขนาด 2 กิโลกรัม จะมีราคากว่า 60 ดอลลาร์

เจ้าของร้านอาหารบางแห่งขยันขันแข็งเพราะน้องเหมียวทำเงินได้ดี เขาจะตื่นนอนแต่ตีห้า และทำงานทั้งวันเพื่อให้บริการลูกค้าในช่วงเวลาแห่งการเปิบพิสดารของเดือน

เขาทำไงกัน? ไม่ยากเลย

มือเพชฌฆาตจะนำน้องเหมียวที่เลือกแล้วออกจากกรงเหล็ก กระชับเชือกที่คอให้รัดแน่น ลากมันไปยังแท้งน้ำในซอกหลังร้าน ลูกค้าจะได้ยินเสียงน้องเหมียวดิ้นตะกุกตะกักพักหนึ่ง ก่อนจะจมน้ำและเงียบเสียงลง

จากนั้นมือเพชฌฆาตจะโยนน้องเหมียวที่หาชีวิตไม่แล้วลงในถังเก่าๆ คล้ายถังซักผ้า กดสวิตช์ สักพักหนึ่งก็จะนำน้องเหมียวออกมาจากถังในสภาพที่เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน เนื้อขาวโพลน... เป็นอันว่าขั้นตอนการถอนขนเสร็จแล้ว

จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของพ่อครัว ซึ่งจะใช้เหล็กเสียบน้องเหมียวทั้งตัว นำเข้าย่างในเตาที่ปกปิดมิดชิด ย่างจนกระทั่งน้องเหมียวเป็นสีน้ำตาลได้ที่ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ จากนั้นจึงจะควักเครื่องในออก โรยเกลือ-พริกไทย อยู่ในสภาพพร้อมเสิร์ฟ

ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์เญินซเวิน (Nhan Dan) บอกว่า ได้หยิบกล้องขึ้นมาหลายครั้งหลายหน จะเก็บภาพสยองมาฝากผู้อ่าน แต่ทุกครั้งก็จะถูกเจ้าของร้านห้ามไว้ เจ้าของร้านบอกว่าสถานการณ์มันไม่แน่ไม่นอน วันดีคืนดีก็จะมีตำรวจไปป้วนเปี้ยน ทำมาหากินลำบาก ลูกค้าจะพลอยอดไปด้วย

ไม่เฉพาะแต่ที่ถนนเหวียนถายหง็อกเท่านั้น ร้านอาหารแบบนี้มีอยู่นับสิบๆ ร้านที่ถนนเลด่ายแฮ่ง (Le Dai Hanh) และ ถนนหลีเทืองเกียต (Ly Thuong Kiet) ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็นภัตตาคารตวนแบว (Tuan Beo) อีกแห่งคือ ภัตตาคารหง็อกถาว (Ngoc Thoa) ตอนนี้ปรับปรุงใหม่เป็นร้านใหญ่ อาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น

แต่ที่เด็ดมากก็เห็นจะเป็นภัตตาคาร “เดวียนแมวย่าง” (Duyen) ซึ่งติดป้ายประกาศอวดฝีมือกุ๊ก "สามแม่ครัว" ที่หน้าร้าน

มีอีกร้านชื่อ "อะฮ้า! แมวนึ่ง" (Aha! Steamed Cat) ติดป้ายรูปแมวดำตัวเขื่อง ที่หน้าร้านมีกรงขนาดใหญ่ แขวนโตงเตงเห็นแต่ไกล ในกรงมีน้องเหมียวสีต่างๆ ราว 50 ตัว บอกให้รู้ว่าเป็นของสดๆ ทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เญินซเวิน ใช้เวลา 1 สัปดาห์ตระเวนจนทั่วเมืองถายบิ่ง ทั้งในตัวเมืองและรอบๆ ก็เลยจดตัวเลขมากฝาก ที่นั่นมีภัตตาคารที่เสิร์ฟน้องเหมียวอยู่ 28 แห่ง ทั้งหมดตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ แต่ลึกเข้าไปในซอกในซอย ไม่ติดป้ายหน้าร้าน นับได้ประมาณ 100 แห่ง..

คำนวณคร่าวๆ ภัตตาคารใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ถนนเหวียนถายหง็อกเชือดน้องเหมียววันละ 100 ตัว เช่นเดียวกันกับอีกร้านที่อยู่ติดๆ กัน โดยสรุปแล้วจะมีน้องเหมียวถูกเชือดวันละ 1,000 ตัว ในช่วงสัปดาห์แห่งการกินแมวในเมืองนี้

เมนูเหมียวยังเสิร์ฟในงานพิธีต่างๆ ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงรับรอง งานเลี้ยงแต่งงานซึ่งแต่ละงานจะเชือดน้องเหมียวนับร้อยๆ เพราะฉะนั้นแต่ละปีจะมีน้องแมวทั้งหลายถูกฆ่าหลายพันตัว เมืองเล็กๆ แห่งนี้จึงถูกเรียกขนานเป็น "เมืองแห่งเนื้อแมว"

ไม่มีใครทำอะไรเลยหรือ?

นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายฟานวันข่ายได้ให้คำแนะนำว่า ทางการท้องถิ่นควรจะยึดใบอนุญาตร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูแมวเสีย และ ให้จัดการดำเนินคดีพวกพ่อค้า หรือพวกที่จัดหาแมวไปป้อนตลาดด้วย

"ได้มีการตรวจภัตตาคารร้านอาหารที่เสิร์ฟเนื้อแมวและได้ขอร้องให้เลิกเสีย ทางการก็ทำได้แค่ไปตรวจ ไม่สามารถลงโทษอะไรได้" นายเจิ่นสีเฮียว (Tran Sy Hieu) หัวหน้าแผนกพิทักษ์สภาพแวดล้อมของเมืองถายบิ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าว

นายเฮียวยังกล่าวอีกว่า ทางการเมืองถายบิ่งยังคงมืดมนในการหาทางหยุดยั้งแฟชั่นกินแมวในเมืองนี้ เพราะมันเป็นเทรนด์ที่เติบใหญ่ขึ้นทุกวัน การปกป้องชีวิตแมวก็น่าจะเป็นเรื่องของตำรวจ

ดร.เหวียนวันแถ่ง (Nguyen Van Thanh) นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กรุงฮานอย มีข้อมูลว่า หนูท้องนาตัวหนึ่งสามารถออกลูกได้ถึง 80 ตัวในทุกช่วงเวลา 2 เดือน ใน 1 ปีหนูเพศผู้-เพศเมียคู่หนึ่ง สามารถให้ลูกได้ราว 2,160 ตัว และ ในท้องทุ่งนาแต่ละแห่งจะมีหนูอยู่ราวๆ 1,000 ตัว เพราะฉะนั้นจึงมีหนูๆ ที่เกิดใหม่วันละ 6,000 ตัวเลยทีเดียว

ดร.แถ่งยังกล่าวอีกว่า จากการสำรวจสำมะโนประชากรในระดับชาตินั้น ใน 3 เดือนแรกของปี 2541 ทั่ว เวียดนามมีประชากรหนูอยู่ราว 30 ล้านตัว แต่ละวันหนูสร้างความเสียหายให้แก่พืชผลของเกษตรกร คิดเป็นมูลค่าราว 1.875 ล้านดอลลาร์ การเลี้ยงแมวเป็นทางแก้ปัญหาหนูได้ดีที่สุด เพราะแมวแต่ละตัวในแต่ละปีสามารถจับหนูได้ถึง 400 ตัว

ชาวเมืองถายบิ่งเองก็รู้ดี เกี่ยวกับบทบาทของแมวในการกำจัดหนู แต่ประชากรแมวในเมืองนี้ก็กำลังลดลงเรื่อยจากการเปิบพิสดารด้วยความเชื่ออย่างผิดๆ

ประชากรหนูเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในทุ่งนาของเมืองถายบิ่ง ชาวบ้านที่นี่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรต้องพึ่งพาฝากอนาคตของนาข้าวไว้กับยากำจัดหนูจากจีน ซึ่งนอกจากจะไม่ค่อยได้ผล ยังส่งผลร้ายแรงอื่นๆ ติดตามมาหลายประการ

น่าประหลาดยิ่งนัก.. ชาวเมืองถายบิ่งเคยยกย่องบทบาทของแมวในการช่วยกำจัดหนู แต่ในวันนี้พวกเขากลับชื่นชมการกิน "เพื่อนตาย" อย่างหน้าตาเฉย.

กำลังโหลดความคิดเห็น