ผู้จัดการรายวัน - ประธานาธิบดีเวียดนามนายเจิ่นดึ๊กเลือง (Tran Duc Luong) นำคณะใหญ่เริ่มการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันจันทร์ (18 ก.ค.) นี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวว่าเป็นการเยือนครั้งสำคัญที่จะนำความสัมพันธ์การค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ ในขณะที่การค้าระหว่างสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายก่อนกำหนดและนักลงทุนจากจีนกำลังหลั่งไหลเข้าสู่เวียดนาม
ประธานาธิบดีเลืองจะพบหารือกับประธานาธิบดีหูจิ่นเทา (Hu Jintao) ของจีนในระหว่างการเยือนเป็นเวลา 5 วันจนถึงวันที่ 22 ก.ค. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวของสองฝ่ายจะลงนามในความตกลงหลายฉบับ นอกเหนือจากการลงนามเอกสารจำนวนหนึ่ง ซึ่งจีนสนับสนุนให้เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปีนี้
ในปี 2547 การค้าสองทางของสองประเทศมีมูลค่าทะลุถึง 6,740 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่เป้าหมายนี้กำหนดเอาไว้เพียงปีละ 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2548 ทำให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่ามูลค่าการค้าระหว่างกันจะทะลุถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์เญินเยวิน (Nhan Dan) ของพรรคคอมมิวนิสต์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.เวียดนามกล่าวว่า กำลังจะมีการหารือกับ ปธน.หูจิ่นเทา ถึงมาตรการจำเพาะต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีบนพื้นฐานความเชื่อมั่น ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
ประธานาธิบดีเลืองกล่าวว่า ปีนี้จีนกับเวียดนามกำลังฉลองครบรอบ 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาสองฝ่ายได้พัฒนาความสัมพันธ์ต่างๆ ไปสู่จุดสูงทั้งในด้านขอบเขตและด้านคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปีที่แล้วมูลค่าการค้าสองทางพุ่งขึ้นสูงถึง 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าตัวเลขจะสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2553 ขณะที่การลงทุนจากจีนก็กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบัน 328 โครงการ มูลค่ารวม 675.6 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามในการให้สัมภาษณ์พิเศษแก่สำนักข่าวทางการเวียดนาม (วีเอ็นเอ) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนาม นายหูเจี้ยนกว๋อ (Hu Jianguo) กล่าวว่า มูลค่าการค้าจีน-เวียดนามใน 4 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 32.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเชื่อว่าตลอดปี 2548 นี้ มูลค่าจะสูงกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์ และฝ่ายจีนจะนำเข้าสินค้าจากเวียดนามเพิ่มขึ้น
เอกอัครราชทูตจีนกล่าวอีกว่า นักธุรกิจจีนกำลังหลั่งไหลเข้าลงทุนในเวียดนาม ซึ่งตามตัวเลขของฝ่ายจีนนั้น ปัจจุบันมีโครงการลงทุนของนักลงทุนจากจีนในเวียดนามรวม 386 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 733 ล้านดอลลาร์ซึ่งนับว่ายังน้อย หลังการเยือนของผู้นำเวียดนามครั้งนี้คาดว่าการลงทุนจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นเพื่อให้สมกับศักยภาพของ 2 ประเทศ
ตามข้อมูลของฝ่ายเวียดนามนั้น การลงทุนจากจีนในปัจจุบันมากเป็นอันดับที่ 15 ในบรรดานักลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด
เมื่อปีที่แล้วจีนกับเวียดนามได้ประกาศ 2 เขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ ซี่งได้แก่เขตเศรษฐกิจคุนหมิง-ลาวกาย (Lao Cai) -ฮานอย-หายฟง (Hai Phong) กับเขตเศรษฐกิจหนันหนิง (Nanning) -หล่างเซิน (Lang Son) -ฮานอย-หายฟง รวมทั้ง "แนวเศรษฐกิจ" (Economic Beltway) อีก 1 แห่งในอ่าวตังเกี๋ย (Bac Bo)
ผู้เชี่ยวชาญของทั้งสองประเทศได้เปิดการประชุมหารือกันรอบแรกในเดือน ม.ค.ปีนี้ เพื่อหาทางก่อตั้งเขตเศรษฐกิจกับแนวเศรษฐกิจระหว่าง 2 ฝ่ายให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่าจะช่วยส่งเสริมการคาการลงทุนจีน-เวียดนาม ไปสู่จุดสูงใหม่
ที่เป็นพิเศษยิ่งก็คือ การท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในอัตราที่สูงยิ่ง มีการเปิดเที่ยวบินเชื่อมปลายทางใหญ่ระหว่างสองประเทศ
เวียดนามได้อนุญาตเป็นพิเศษให้ชาวจีนสามารถเดินทางสู่ทุกจุดในประเทศ มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องระหว่างทางการและประชาชนจังหวัดต่างๆ ที่มีชายแดนติดกัน โดยเฉพาะใน 4 เดือนแรกของปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในเวียดนามเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว
ถึงปัจจุบันมีนักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนในแขนงการท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคารและบริการต่างๆ รวม 45 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 658 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่ม 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้นักลงทุนจากจีนอยู่ในอันดับต้นๆ ในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเที่ยวเวียดนาม
ประธานาธิบดีเลืองจะพบหารือกับประธานาธิบดีหูจิ่นเทา (Hu Jintao) ของจีนในระหว่างการเยือนเป็นเวลา 5 วันจนถึงวันที่ 22 ก.ค. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวของสองฝ่ายจะลงนามในความตกลงหลายฉบับ นอกเหนือจากการลงนามเอกสารจำนวนหนึ่ง ซึ่งจีนสนับสนุนให้เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปีนี้
ในปี 2547 การค้าสองทางของสองประเทศมีมูลค่าทะลุถึง 6,740 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่เป้าหมายนี้กำหนดเอาไว้เพียงปีละ 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2548 ทำให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่ามูลค่าการค้าระหว่างกันจะทะลุถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์เญินเยวิน (Nhan Dan) ของพรรคคอมมิวนิสต์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.เวียดนามกล่าวว่า กำลังจะมีการหารือกับ ปธน.หูจิ่นเทา ถึงมาตรการจำเพาะต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีบนพื้นฐานความเชื่อมั่น ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
ประธานาธิบดีเลืองกล่าวว่า ปีนี้จีนกับเวียดนามกำลังฉลองครบรอบ 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาสองฝ่ายได้พัฒนาความสัมพันธ์ต่างๆ ไปสู่จุดสูงทั้งในด้านขอบเขตและด้านคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปีที่แล้วมูลค่าการค้าสองทางพุ่งขึ้นสูงถึง 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าตัวเลขจะสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2553 ขณะที่การลงทุนจากจีนก็กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบัน 328 โครงการ มูลค่ารวม 675.6 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามในการให้สัมภาษณ์พิเศษแก่สำนักข่าวทางการเวียดนาม (วีเอ็นเอ) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนาม นายหูเจี้ยนกว๋อ (Hu Jianguo) กล่าวว่า มูลค่าการค้าจีน-เวียดนามใน 4 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 32.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเชื่อว่าตลอดปี 2548 นี้ มูลค่าจะสูงกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์ และฝ่ายจีนจะนำเข้าสินค้าจากเวียดนามเพิ่มขึ้น
เอกอัครราชทูตจีนกล่าวอีกว่า นักธุรกิจจีนกำลังหลั่งไหลเข้าลงทุนในเวียดนาม ซึ่งตามตัวเลขของฝ่ายจีนนั้น ปัจจุบันมีโครงการลงทุนของนักลงทุนจากจีนในเวียดนามรวม 386 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 733 ล้านดอลลาร์ซึ่งนับว่ายังน้อย หลังการเยือนของผู้นำเวียดนามครั้งนี้คาดว่าการลงทุนจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นเพื่อให้สมกับศักยภาพของ 2 ประเทศ
ตามข้อมูลของฝ่ายเวียดนามนั้น การลงทุนจากจีนในปัจจุบันมากเป็นอันดับที่ 15 ในบรรดานักลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด
เมื่อปีที่แล้วจีนกับเวียดนามได้ประกาศ 2 เขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ ซี่งได้แก่เขตเศรษฐกิจคุนหมิง-ลาวกาย (Lao Cai) -ฮานอย-หายฟง (Hai Phong) กับเขตเศรษฐกิจหนันหนิง (Nanning) -หล่างเซิน (Lang Son) -ฮานอย-หายฟง รวมทั้ง "แนวเศรษฐกิจ" (Economic Beltway) อีก 1 แห่งในอ่าวตังเกี๋ย (Bac Bo)
ผู้เชี่ยวชาญของทั้งสองประเทศได้เปิดการประชุมหารือกันรอบแรกในเดือน ม.ค.ปีนี้ เพื่อหาทางก่อตั้งเขตเศรษฐกิจกับแนวเศรษฐกิจระหว่าง 2 ฝ่ายให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่าจะช่วยส่งเสริมการคาการลงทุนจีน-เวียดนาม ไปสู่จุดสูงใหม่
ที่เป็นพิเศษยิ่งก็คือ การท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในอัตราที่สูงยิ่ง มีการเปิดเที่ยวบินเชื่อมปลายทางใหญ่ระหว่างสองประเทศ
เวียดนามได้อนุญาตเป็นพิเศษให้ชาวจีนสามารถเดินทางสู่ทุกจุดในประเทศ มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องระหว่างทางการและประชาชนจังหวัดต่างๆ ที่มีชายแดนติดกัน โดยเฉพาะใน 4 เดือนแรกของปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในเวียดนามเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว
ถึงปัจจุบันมีนักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนในแขนงการท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคารและบริการต่างๆ รวม 45 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 658 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่ม 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้นักลงทุนจากจีนอยู่ในอันดับต้นๆ ในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเที่ยวเวียดนาม