xs
xsm
sm
md
lg

ลาวส่งสารขอบคุณ กต.เร่งแก้ปัญหาคาใจ นิตยสารไทยยอมตีพิมพ์ 'ขออภัย' ข่าวฉาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน- รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยเชื่อว่ากรณีบาดหมางระหว่างสื่อมวลชนของทางการลาวกับนิตยสารบันเทิงของไทยฉบับหนึ่งกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากฝ่ายไทยได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับแสดงความเสียใจและ "ขออภัย" ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ

นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศของไทย กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" เมื่อวันอังคาร (5 ก.ค.) นี้ว่า กระทรวงการต่างประเทศของลาวได้ส่งหนังสือขอบคุณที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยและนิตยสาร SPICY ได้ดูแลและเร่งแก้ไขในปัญหาเรื่องนี้เป็นอย่างดี

กระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือชี้แจงและขออภัยจากบรรณาธิการนิตยสาร SPICY เป็นทางการตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. และได้มอบให้สถานทูตไทยในเวียงจันทน์เพื่อส่งต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศของลาว โดยเนื้อความของหนังสือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีข้อความสรุปตอนท้ายว่า “นิตยสาร SPICY เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และจะดูแลไม่ให้เกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นอีก และทางนิตยสารต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย”

แต่อย่างไรก็ตามทางลาวก็ได้เรียกร้องมาด้วยว่าทางนิตยสาร SPICY ควรที่จะลงพิมพ์ข้อความที่เป็นการแสดงการขอโทษในนิตยสารของตนเอง อันเป็นธรรมเนียมและมารยาทที่ทางนิตยสารของไทยควรจะพึงปฏิบัติ และยังจะช่วยทำให้ชาวลาวมีความพอใจมากยิ่งขึ้น สถานการณ์ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น นายเกียรติคุณกล่าว

เจ้าหน้าที่กองบรรณาธิการนิตยสารฉบับดังกล่าวกล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่าจะมีการนำหนังสือขออภัยต่อฝ่ายลาวทั้งฉบับลงตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับใหม่ที่กำลังจะวางแผงในสัปดาห์นี้ เพื่อแสดงความจริงใจว่าไม่ได้มีความตั้งใจจะให้เกิดกรณีบาดหมางขึ้น

นิตยสาร SPICY ฉบับวันที่ 11-24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้นำเอาข้อมูลที่มีการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในกรุงเทพฯ ลงตีพิมพ์ในคอลัมน์ในฉบับ ทั้งหมดเป็นเนื้อหาที่มีผู้เดินทางไปเที่ยวสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและเขียนถึงสิ่งที่ได้พบและได้ยินมา

แต่สื่อมวลชนของลาวพบว่าบางข้อความเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลาว และมีเจตนาเหยียดหยามภาษาลาวและคนลาว หนังสือพิมพ์ "เวียงจันทน์ใหม่" ของทางการนครหลวงเวียงจันทน์ได้ออกวิจารณ์การกระทำของนิตยสารไทยอย่างเผ็ดร้อนในฉบับวันศุกร์ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา

ในเนื้อความของ SPICY ระบุว่า "ถ้าจะชมผู้หญิงสวย (ในลาว) ให้พูดว่า 'สวยตายห่า' หรือถ้าจะเรียกผู้หญิงว่า 'อีด..กทอง' จะถูกใจเพราะดูมีค่าดี" หรือถ้าจะชมผู้ชาย (ลาว) ที่หล่อมากๆ ให้พูดว่า 'หล่อจิบหาย' และเวลาถ่ายรูปหมู่ให้พูดว่า 'มาแหกตาสามัคคีกันเถอะ' .."

คอลัมนิสต์ของ "เวียงจันทน์ใหม่" กล่าวว่าข้อความที่ยกมากล่าวทั้งหมดนี้ล้วนแต่ไม่เป็นความจริง เป็นการอุปโลกน์แบบ "โง่อวดฉลาด" ของคนเขียน

การโหมกระพือข่าวของสื่อมวลชนลาวได้ส่งผลในวงกว้าง สร้างความไม่พอใจขึ้นในหมู่ประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์ ความไม่พอใจส่วนหนึ่งระบายออกมาทางเว็บไซต์ต่างๆ ในลาว ซึ่งบางเสียงได้เรียกร้องให้สถานทูตลาวในกรุงเทพฯ ทำการประท้วงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ

"เวียงจันทน์ใหม่" ฉบับวันอังคาร (5 ก.ค.) ยังคงเกาะติดเรื่องนี้อีก 1 วัน ในคอลัมน์ "ทันกระแสบันเทิงลาว" โดยระบุว่า หลังจากมีการออกบทวิจารณ์ไปในฉบับท้ายสัปดาห์ก็ไดเมีเสียงตอบรับกลับมาจากผู้อ่านอย่างกว้างขวาง ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะต้อง "ต้านยันพวกมารสังคม" แบบนี้

เจ้าหน้าที่กองบรรณาธิการ "เวียงจันทน์ใหม่" ที่ไม่ประสงค์จะให้ระบุชื่อผู้หนึ่งกล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ทางโทรศัพท์เมื่อวันอังคาร (5 ก.ค.) ว่า ประชาชนทั่วไปยังคงติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะยังคงข้องใจเกี่ยวกับคำขอโทษจากนิตยสาร SPICY ชาวลาวต่างเรียกร้องให้นิตยสารไทยฉบับดังกล่าวขอโทษอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง

นอกจากนี้ผู้จัดการรายวันยังสัมภาษณ์ “พรรทิภา สกุลชัย" ผู้บริหารโน๊ต พลับลิชิ่ง เจ้าของหนังสือ SPICY ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดนั้นได้มีการตกลงกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอระบุว่าเล่มนี้ไม่ได้เป็นบรรณาธิการ หลานเป็นคนจัดการ แต่พูดได้ในฐานะที่เป็นเจ้าของ โดยหนังสือเล่มนี้เป็นนิตยสารผู้หญิง มีเรื่องแฟชั่น มีมุมตลกในเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง ไม่ใช่หนังสือการเมืองและทางนิตยสารก็ไม่ได้มีเจตนาในการที่จะไปดูถูกแต่อย่างใด

"จริงๆ แล้วน้องคนที่ทำคอลัมน์เขาไปเจอทางอินเทอร์เน็ตแล้วเห็นว่ามันเป็นมุกขำ ก็เลยนำมาตีพิมพ์ ซึ่งตอนนั้นพี่ไม่ได้ดูเพราะอยู่อเมริกา แล้วทางเราก็มีการโทรเช็กกับทางลาวแล้วตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมก่อนที่หนังสือจะออก เราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น นักศึกษาของประเทศลาวเป็นคนโทรมาไม่ใช่สถานทูตหรือผู้ใหญ่ ทางโน้นเขาบอกว่าไม่น่าลงอย่างนี้เลย มันเหมือนดูถูกเขา มันมีการใช้จริง แต่เป็นชนกลุ่มน้อยเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็เลิกใช้ไปแล้ว” พรรทิภากล่าว

ผู้บริหารโน้ต พลับลิชิ่งยังยกตัวอย่างว่าภาษาพูดของประเทศไทยอย่างภาคกลาง ภาคเหนือเขาก็พูดไม่เหมือนกัน ภาคเหนือชอบพูดคำว่าอี ในขณะที่ภาคกลางไม่พูด เพราะเป็นคำหยาบ คือเป็นเรื่องของมุมมองที่ต่างกัน อย่างของประเทศลาวผู้หญิงสวย เขาจะเรียกสวยตายห่า ซึ่งไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง และเสียใจเพราะเราไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น

นอกจากนี้พรรทิภายังเล่าว่าทางนิตยสารได้โทรไปยังสถานทูตไทยว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งทางสถานทูตก็แนะนำให้ทำจดหมายไป ไม่ได้เป็นความต้องการของประเทศลาวที่มาเรียกร้องตรงนี้แต่อย่างใด แต่เราก็เขียนแสดงความเสียใจบอกถึงความตั้งใจว่าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น มันเป็นคอลัมน์หนึ่งในหนังสือเป็นมุกตลก และไม่ใช่หนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเรา เป็นนิตยสารแฟชั่น และเมื่อลองตรวจสอบดูก็ปรากฏว่าหนังสือพิมพ์ที่ลาวไม่ได้ลงข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น