ฮานอย- ชาวเวียดนามนิยมเข้ามารับการผ่าตัดแปลงเพศในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกวันๆ และยังมีอีกมากที่ยังเก็บเงินได้ไม่พอ แต่ถึงแม้จะได้เป็น 'หญิง' สมความปรารถนา เมื่อกลับไปบ้านเกิดก็ยังต้องไปเจอปัญหาอีกแบบหนึ่ง เนื่องจากไม่ได้รับการยอมรับตามกฎหมายให้เป็น 'ผู้หญิง'
'หวอ อาย ซวน' (Vo Ai Xuan) มารับการผ่าตัดแปลงเพศในไทยเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนผัน ครั้งสำคัญในชีวิต มันทำให้ 'เธอ' สมความปรารถนาในสิ่งที่เธออยากเป็น และ สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง แต่สิ่งนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องเพศของเธอในสูติบัตร ทำใหเกิดปัญหาติดตามมาในการไป สมัครงาน
ถูกตั้งชื่อเป็น 'เด็กชายจ่ง' (Trong) มาตั้งแต่แรกเกิด 'ซวน' ไม่เคยรู้สึกสะดวกสบายกับการเป็นเด็กผู้ชายแม้สักเสี้ยวนาทีเดียว ต้องตัดผมสั้น นุ่งกางเกงขายาว ใส่เสื้อเข้าข้างในกางเกง ต่างจากผู้ชายทั่วไปเพราะชอบเล่นตุ๊กตาคุณพ่อคุณแม่ คุณครูและเพื่อนๆ เริ่มผิดสังเกต และเริ่มมีเสียงล้อเลียน
ด.ช.จ่ง ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพวกผิดเพศ มีบุคลิกและจิตใจเป็นอีกเพศหนึ่งที่ตรง กันข้ามเมื่อรู้สึกถูกกดดันจากรอบข้างมากขึ้นก็ทนไม่ไหว ลาออกจากโรงเรียน ไปทำงาน ทำทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะสุดแสนยากเย็นสักเพียงใด เปลี่ยนงานไปเรื่อยเพราะทนกับสายตาคนรอบข้าง กับเสียงซุบซิบไม่ไหว
'ซวน' บอกกับหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ว่า เธอเคยเผาตัวเองกะจะฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่ตาย และสถานการณ์ยิ่ง เลวร้ายหนักลงไปอีก เพราะเกือบจะทุกตารางนิ้วทั่วทั้งร้างกาย เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
อย่างไรก็ตาม หลังทำงานหนักเป็นเวลา 10 ปี ซวนก็เก็บเงินเก็บทองได้ราว 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ มากพอที่จะเดินทางไปประเทศไทยเพื่อผ่าตัดแผลงเพศ
"มันเป็นขบวนการที่เจ็บมากและยังเสี่ยงอีกด้วย" ซวนกล่าวถึงประสบการณ์ในประเทศไทย
"แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ฉันอยู่ต่อไปได้ ฉันขอตายเสียดีกว่าที่จะไม่ได้ทำมัน" เธอบอกกับ " เวียดนามนิวส์"
หลังจากนั้นเธอก็ตั้งชื่อผู้หญิงให้กับตัวเอง เธอบอกว่า มันเป็นการตั้งต้นใหม่ มันช่วยให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ เป็นชีวิตที่เธออยากจะเป็นมาตลอด และไม่เคยคิดเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนั้น
หวิ (Vi) ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีคล้ายๆ กับซวน ปัจจุบันอายุ 35 ปี เธอรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นหลังรับการผ่าตัด แปลงเพศในประเทศไทยเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะต้องใช้เงินทองไปมาก และยังเป็นภาระมาจนทุกวันนี้
"ฉันมีเพื่อนๆ เยอะแยะที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศ แต่มีเงินไม่พอที่จะไปต่างประเทศ" หวิกล่าว
หวิ กับซวนกับเพื่อพ้องต่างก็เจออีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันในการหางานทำให้เป็นหลักเป็นแหล่ง พวกเธอเป็น 'ผู้หญิง' แต่ไม่สามารถที่จะลบชื่อผู้ชายออกจากสูติบัตรได้ นั่นเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการสมัครงาน
ไม่เพียงแต่กระเทยเท่านั้นที่มีปัญหาในชีวิต กลุ่มคนสองเพศก็เจอมรสุมคล้ายๆ กัน ในเวียดนาม
ศ.ดร. เหวียนทูเญิน (Nguyen Thu Nhan) แห่งสมาคมกุมารเวชศาสตร์เวียดนาม กล่าวว่าเด็กเวียดนามทุกๆ 10,000 คน มักจะมีเด็กที่เกิดมามี 2 เพศเสีย 1 คน
สมาคมดังกล่าว ไปรับเด็กเข้าโครงการผ่าตัดเอาไว้ 200 ราย ซึ่งในแต่ละปีทำได้แค่ 20-30 รายเท่านั้น
ตามทฤษฎีทางการแพทย์แล้ว ก่อนจะผ่าตัดเพศให้กับเด็ก ให้เหลือเป็นเพศเดียวนั้นควรจะรอดูให้แน่ชัดเสียก่อน นั่นคือ ต้องรอให้เด็กพูดได้เสียก่อน เพื่อให้สามารถระบุเพศได้อย่างแน่ชัด
อย่างไรก็ตามแพทย์ในเวียดนามกำลังหาทางที่จะรู้เกี่ยวกับเพศที่แท้จริงของเด็ก 2 เพศนี้แต่เนิ่นๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนในสังคมมีความฝังใจ
"หวังว่าสังคมคงจะยอมรับความปรารถนาอันชอบธรรมของพวกเรา" น.ส.หวิ กล่าวว่า.
'หวอ อาย ซวน' (Vo Ai Xuan) มารับการผ่าตัดแปลงเพศในไทยเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนผัน ครั้งสำคัญในชีวิต มันทำให้ 'เธอ' สมความปรารถนาในสิ่งที่เธออยากเป็น และ สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง แต่สิ่งนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องเพศของเธอในสูติบัตร ทำใหเกิดปัญหาติดตามมาในการไป สมัครงาน
ถูกตั้งชื่อเป็น 'เด็กชายจ่ง' (Trong) มาตั้งแต่แรกเกิด 'ซวน' ไม่เคยรู้สึกสะดวกสบายกับการเป็นเด็กผู้ชายแม้สักเสี้ยวนาทีเดียว ต้องตัดผมสั้น นุ่งกางเกงขายาว ใส่เสื้อเข้าข้างในกางเกง ต่างจากผู้ชายทั่วไปเพราะชอบเล่นตุ๊กตาคุณพ่อคุณแม่ คุณครูและเพื่อนๆ เริ่มผิดสังเกต และเริ่มมีเสียงล้อเลียน
ด.ช.จ่ง ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพวกผิดเพศ มีบุคลิกและจิตใจเป็นอีกเพศหนึ่งที่ตรง กันข้ามเมื่อรู้สึกถูกกดดันจากรอบข้างมากขึ้นก็ทนไม่ไหว ลาออกจากโรงเรียน ไปทำงาน ทำทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะสุดแสนยากเย็นสักเพียงใด เปลี่ยนงานไปเรื่อยเพราะทนกับสายตาคนรอบข้าง กับเสียงซุบซิบไม่ไหว
'ซวน' บอกกับหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ว่า เธอเคยเผาตัวเองกะจะฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่ตาย และสถานการณ์ยิ่ง เลวร้ายหนักลงไปอีก เพราะเกือบจะทุกตารางนิ้วทั่วทั้งร้างกาย เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
อย่างไรก็ตาม หลังทำงานหนักเป็นเวลา 10 ปี ซวนก็เก็บเงินเก็บทองได้ราว 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ มากพอที่จะเดินทางไปประเทศไทยเพื่อผ่าตัดแผลงเพศ
"มันเป็นขบวนการที่เจ็บมากและยังเสี่ยงอีกด้วย" ซวนกล่าวถึงประสบการณ์ในประเทศไทย
"แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ฉันอยู่ต่อไปได้ ฉันขอตายเสียดีกว่าที่จะไม่ได้ทำมัน" เธอบอกกับ " เวียดนามนิวส์"
หลังจากนั้นเธอก็ตั้งชื่อผู้หญิงให้กับตัวเอง เธอบอกว่า มันเป็นการตั้งต้นใหม่ มันช่วยให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ เป็นชีวิตที่เธออยากจะเป็นมาตลอด และไม่เคยคิดเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนั้น
หวิ (Vi) ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีคล้ายๆ กับซวน ปัจจุบันอายุ 35 ปี เธอรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นหลังรับการผ่าตัด แปลงเพศในประเทศไทยเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะต้องใช้เงินทองไปมาก และยังเป็นภาระมาจนทุกวันนี้
"ฉันมีเพื่อนๆ เยอะแยะที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศ แต่มีเงินไม่พอที่จะไปต่างประเทศ" หวิกล่าว
หวิ กับซวนกับเพื่อพ้องต่างก็เจออีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันในการหางานทำให้เป็นหลักเป็นแหล่ง พวกเธอเป็น 'ผู้หญิง' แต่ไม่สามารถที่จะลบชื่อผู้ชายออกจากสูติบัตรได้ นั่นเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการสมัครงาน
ไม่เพียงแต่กระเทยเท่านั้นที่มีปัญหาในชีวิต กลุ่มคนสองเพศก็เจอมรสุมคล้ายๆ กัน ในเวียดนาม
ศ.ดร. เหวียนทูเญิน (Nguyen Thu Nhan) แห่งสมาคมกุมารเวชศาสตร์เวียดนาม กล่าวว่าเด็กเวียดนามทุกๆ 10,000 คน มักจะมีเด็กที่เกิดมามี 2 เพศเสีย 1 คน
สมาคมดังกล่าว ไปรับเด็กเข้าโครงการผ่าตัดเอาไว้ 200 ราย ซึ่งในแต่ละปีทำได้แค่ 20-30 รายเท่านั้น
ตามทฤษฎีทางการแพทย์แล้ว ก่อนจะผ่าตัดเพศให้กับเด็ก ให้เหลือเป็นเพศเดียวนั้นควรจะรอดูให้แน่ชัดเสียก่อน นั่นคือ ต้องรอให้เด็กพูดได้เสียก่อน เพื่อให้สามารถระบุเพศได้อย่างแน่ชัด
อย่างไรก็ตามแพทย์ในเวียดนามกำลังหาทางที่จะรู้เกี่ยวกับเพศที่แท้จริงของเด็ก 2 เพศนี้แต่เนิ่นๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนในสังคมมีความฝังใจ
"หวังว่าสังคมคงจะยอมรับความปรารถนาอันชอบธรรมของพวกเรา" น.ส.หวิ กล่าวว่า.