สำนักงาน กกพ.เร่งเครื่อง Direct PPA 2,000 เมกะวัตต์ ขานรับนโยบายรมว.พลังงานคนใหม่ ‘Quick Big Win’ รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทีดีอาร์ไอชี้เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งไม่เพียงเฉพาะกลุ่ม Data Center แต่รวมถึงกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นๆ
แนวทางที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ดำเนินการสอดรับกับการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ที่นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงถึงนโยบาย Quick Big Win ในส่วนกระทรวงพลังงานที่จะต้องทำให้สำเร็จภายในระยะเวลา 4 เดือน มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงาน รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต คือการเร่งทำสัญญา Direct PPA ให้ได้ 2,000 เมกะวัตต์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเร่งผลักดันนโยบายด้านพลังงาน ชูโครงการนำร่อง Direct PPA ซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง” (Direct Power Purchase Agreement)” ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) มุ่งเป้าไปที่กลุ่มศูนย์ข้อมูล (Data Center) เป็นหลัก ซึ่งในขณะนี้ ความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวได้มีการผ่านความเห็นชอบหลักเกณฑ์ในเบื้องต้น จากภาคนโยบายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 - 10 ต.ค.ที่ผ่านมา และนำเข้าการพิจารณาของ กกพ. เมื่อวันที่ 15 ต.ค. คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
“กลไกในเรื่องของ Direct PPA เรายืนยันว่าหลังจากที่มีการเตรียมการทั้งหมดพร้อม ตามมติ กพช. บอกว่า ต้องนำเรื่องทั้งหมดเสนอ กบง. ต่อไป ซึ่งเป็นภารกิจที่เราต้องเสนอให้ทันภายในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ และในเดือนธันวาคมจะมี Direct PPA เป็นของขวัญคริสต์มาสพร้อมแกะกล่อง หรืออย่างช้าก่อนสิ้นปีนี้”
เลขาฯ สำนักงาน กกพ. ย้ำว่า ในส่วนของมาตรการ Direct PPA ที่จะสามารถนำไปสู่การใช้งานจริงนั้น จากมติของกพช. ได้กำหนดแนวทางให้ภาคเอกชนต้องขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ซึ่งขณะนี้ กกพ. กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำอัตราค่าบริการสำหรับการใช้และการเชื่อมต่อระบบ โดยจะครอบคลุมค่าบริการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
-ค่าบริการผ่านระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge)
-ค่าบริการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Connection Charge)
-ค่าบริการด้านความมั่นคงของระบบ (Ancillary Services Charge)
-ค่าปรับในการปรับสมดุล หรือบริหารปริมาณไฟฟ้า (Imbalance Charge)
-ค่าใช้จ่ายด้านนโยบายภาครัฐ (Policy Expenses)
รวมถึงค่าบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บต้องมีความเหมาะสม โปร่งใส และเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวมทั้งประเทศ อีกทั้งจะต้องสอดคล้องกับข้อเสนออัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff: UGT)
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบไฟฟ้ารองรับอุตสาหกรรมเขตภาคตะวันออก (EEC) ก็นับว่าน่าจับตา เนื่องจากคาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้ากว่า 800 เมกะวัตต์ รองรับธุรกิจ Data Center 16 ราย และยังเป็นแหล่งที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ที่มีความต้องการไฟฟ้าพลังงานสะอาด
โดยข้อมูลกระทรวงพลังงาน คาดการณ์ว่าโครงการ Direct PPA 2,000 เมกะวัตต์ จะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 65,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่กำลังเติบโตอย่างมากอย่าง Data Center ซึ่งสามารถลดการปล่อย CO2 ได้กว่า 1.66 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
ทีดีอาร์ไอ จับตารัฐหนุนพลังงานสะอาดอย่างไร
ดร. อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการนโยบายพลังงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ซึ่งเป็นผู้ที่ติดตามนโยบายเรื่องนี้มาโดยตลอด กล่าวว่า ธุรกิจ Data Center ที่มาลงทุนในประเทศไทยนั้น ต้องการไฟฟ้าที่มีความมั่นคง กับไฟฟ้าที่มีความสะอาด แต่สิ่งที่ประเทศไทยมีอยู่ในขณะนี้ คือไฟฟ้าที่มีความมั่นคง แต่ยังขาดสัดส่วนไฟฟ้าที่มาจากพลังงานสะอาด ดังนั้นจึงต้องการเห็นความชัดเจนจากนโยบายภาครัฐ ว่าจะให้การสนับสนุนพลังงานสะอาดขึ้นมาในประเทศได้อย่างไร
โดยการทำ Direct PPA ภาครัฐต้องเปิดสิทธิให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด สามารถเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าของภาครัฐ เพื่อทำการผลิตและจัดส่งไฟฟ้าพลังงานสะอาดนี้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งในวันนี้มีผู้ที่พร้อมจะซื้อแล้วคือ Data Center ที่เป็นบริษัทต่างชาติ โดยจะต้องมีการบวกค่าธรรมเนียมต่างๆในการใช้สายส่งด้วย
ที่ทาง กกพ.จะต้องพิจารณาก็คือว่าต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงในการสร้างระบบโครงข่ายที่ผ่านมา แล้ว หากมีการใช้สัญญา Direct PPA มากขึ้นค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่ง ดร.อารีพร คาดว่าปลายปีนี้น่าจะมีการกำหนดอัตราต่างๆออกมาได้ระดับหนึ่ง
“ตอนนี้ผู้ประกอบการที่จะผลิตไฟฟ้าสีเขียวพร้อม ผู้ซื้ออยากซื้อ แต่ยังไม่มีการซื้อขายกันเกิดขึ้น รอราคาการเชื่อมต่อสายส่งก่อน ประชาชนทั่วไปอยากจะถามว่ามันจะกระทบกับค่าไฟของประชาชนทั้งประเทศไหม ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มีหน้าที่ในการดูแลให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนของคนที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานไฟฟ้า จะต้องมีการคิดค่าธรรมเนียมในการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า รวมถึงค่าบริการอื่น ๆ เพื่อให้ไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชนโดยทั่วไป”
ดร. อารีพร กล่าวทิ้งท้ายถึงประโยชน์ของ Direct PPA ว่า ปัจจุบันนี้โลกกำลังมุ่งหน้าสู่พลังงานสะอาด ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เกิดความสามารถในการแข่งขันทางการค้ากับต่างประเทศได้ก็คือเราต้องมีพลังงานสะอาดในการผลิตสินค้าให้มากขึ้น เพื่อให้สินค้านั้นได้รับการตอบรับจากต่างประเทศ เป็นการสนับสนุนการส่งออก และสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ซึ่ง Direct PPA เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งไม่เพียงเฉพาะกลุ่ม Data Center แต่รวมถึงกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและ Net Zero จึงเป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงด้วย
ตอบโจทย์ประเทศ มุ่งลดคาร์บอน รับมือ CBAM
ในกระแสที่ทั่วโลกหันมาส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าสะอาดเพื่อช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการที่สหภาพยุโรปได้ออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ซึ่งจะมีการเก็บภาษีสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่นำเข้ามาในสหภาพยุโรปตามประเภทสินค้าที่กำหนด และเป็นปัจจัยในการผลักดันให้ธุรกิจที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง เช่น ธุรกิจศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center มองหาประเทศเป้าหมายที่จะย้ายฐานไปลงทุน โดยนักลงทุนกลุ่มนี้มีเงื่อนไขสำคัญคือต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่มีคุณภาพ มีความมั่นคงในการจ่ายกระแสไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) เพื่อให้นักลงทุนมีหลักประกัน ในขณะเดียวกันก็ต้องมีอัตราค่าไฟฟ้าที่จูงใจเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งด้วย