xs
xsm
sm
md
lg

ACT เปิดผลโพลประชาชนเรียกร้อง “นายกฯใหม่” เป็นตัวอย่าง “ต้านโกง” บังคับใช้กฎหมายปราบโกงให้ศักดิ์สิทธิ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) สะท้อนความเห็นประชาชนหัวข้อ “สิ่งที่ต้องการให้นายกฯคนใหม่ทำเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน” ผ่านเวทีงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2568 “ไม่โกง ไม่เกิด..จริงหรือ?” ผลปรากฏว่า อันดับ 1 ทำให้กฏหมายปราบโกงต้องศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ประธานองค์กรฯ ย้ำ ผู้นำต้องแสดงเจตจำนงทางการเมือง เป็นตัวอย่าง “ต้านโกง” ทั้งไม่ปล่อยคนใกล้ตัวทุจริต, ผลักดันการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ, และไม่แทรกแซงองค์กรอิสระ


ACT-ประชาชน ร่วมถามหา “เจตจำนงผู้นำต้านโกง”

ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ ( 6 ก.ย.68) ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงเจตจำนงแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันด้วยการเป็นตัวอย่างที่จะไม่โกง สร้างความโปร่งใสให้มากที่สุด และไม่ปล่อยให้คนรอบตัว คนข้างตัว หรือคนในสังกัดไปคดโกง พร้อมสนับสนุนผลักดันการแก้ไขกฎระเบียบขั้นตอนต่าง ๆ ทางราชการที่ซับซ้อนและเอื้อต่อการคอร์รัปชัน โดยเริ่มจากระดับรัฐมนตรีก่อนจะไปถึงข้าราชการ สิ่งที่เคยปกปิดก็ต้องเปิดเผยให้ระบบราชการมีธรรมาภิบาลมากขึ้น สำหรับการทำงานขององค์กรอิสระ รัฐบาลต้องหยุดแทรกแซงในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การสรรหาตัวบุคคลเข้าไปเป็นกรรมการ และปล่อยให้องค์กรทำงานเต็มที่โดยไม่เข้าไปกดดัน

“นี่คือจุดเริ่มต้นง่ายๆ จากตัวนายกฯ ที่จะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ทำให้สังคมเปลี่ยนไปพร้อมกัน และในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ขอให้ประชาชนพิจารณาเลือกพรรคการเมือง นักการเมือง ที่ไม่โกง และซื่อสัตย์ต่อประชาชน เชื่อว่าเราจะได้นายกฯ ที่ดี เด็ดขาดกับการปราบโกง” ดร.มานะกล่าว

ขนานกันไปกับผลโพลที่มาจากเสียงประชาชนซึ่งได้สอบถามผ่านระบบออนไลน์ในงานนี้หัวข้อ “สิ่งที่ต้องการให้นายกคนใหม่ทำเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน” อันดับ1 ทำให้กฏหมายการโกงชาติศักดิ์สิทธิ์ 2.ขอให้นายกฯเป็นผู้นำที่แท้จริงในการปราบโกงอย่างไม่ไว้หน้าใคร 3.จัดการคนโกงในรัฐบาลให้เด็ดขาด 4. เปิดช่องทางให้ประชาชนตรวจสอบได้ 5. ปราบปรามการทุจริต ไม่โกง ไม่กิน ไม่ขายชาติ

“ยิ่งสังคมกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติภาวะผู้นำ ประชาชนยิ่งจะต้องสะท้อนเสียงออกมาดังๆ และเริ่มทำหน้าที่พลเมืองทันทีก่อนจะไปต่อในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ให้ร่วมกันเลือกคนดีเข้าสภา เพื่อที่เราจะได้รัฐบาลที่เด็ดขาดกับการปราบโกง กล้าลงโทษคนผิด ไม่ปล่อยให้ระบบยุติธรรมถูกบิดเบือน แต่งตั้งข้าราชการโดยยึดหลักคุณธรรม ให้คนดีมาเป็นใหญ่ในระบบราชการ ไม่ใช่คนที่ชำนาญการโกงเมื่อถึงวันนั้น ประเทศไทยของเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน คนดีต้องเกิดได้จริง โดยไม่ต้องโกง” ดร.มานะกล่าว


 4 กลุ่มพลัง “รุ่นใหม่” ช่วย Reset ประเทศไทย

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ยังได้กล่าวเปิดงานช่วงหนึ่งว่า จากผลการสำรวจซึ่งจัดทำโดยองค์กรต่อต้าน
คอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 พบว่า ประชาชนกว่า 70% ชี้ว่า ต้นตอของปัญหาคอร์รัปชัน คือ “นักการเมือง” รองลงมาคือ “ข้าราชการ” (55%) และ “นักธุรกิจ/ผู้รับเหมา” (29%) โดยมี “ประชาชน” บางส่วน (7%) สมรู้ร่วมคิด 

ส่วนเหตุผลที่การโกงยังมีอยู่และยิ่งซับซ้อน มาจาก 1.การถอนทุนคืน หลังเข้าสู่อำนาจ (44%) และ 2.คิดว่าใคร ๆ ก็ทำกันเป็นวัฒนธรรมปกติ (41%)

เมื่อถามถึงแนวทางที่จะสามารถลดคอร์รัปชันได้จริง ประชาชนมองว่า 1.กำหนดบทลงโทษรุนแรง และลงโทษจริง 2.ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ และ 3.เปิดเผยข้อมูลภาครัฐอย่างโปร่งใส และส่วนกลุ่มที่จะมาช่วย reset ประเทศไทย มองว่า “คนรุ่นใหม่” คือ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดยประชาชนรุ่นใหม่ (61%) ที่จะต้องเลิกเงียบ เลิกชินกับการทุจริต, สอนลูกหลานให้เกลียดการโกง เริ่มตั้งแต่ไม่ยอมให้ลูกลอกการบ้าน เลิกยอมรับคนโกงเพียงเพราะเขาทำงานเก่ง และเลิกพูดว่า ช่วยไม่ได้ ทุก ๆ คนก็โกง นักการเมืองรุ่นใหม่ (34%) ที่จะต้องหยุดซื้อเสียง โปร่งใสด้วยการลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูด ข้าราชการรุ่นใหม่ (23%) ต้องเป็นกลไกแห่งความยุติธรรม ไม่ใช่เครื่องมือของผู้มีอำนาจ และนักธุรกิจรุ่นใหม่ (18%) ต้องปฏิเสธการจ่ายเงินใต้โต๊ะ สร้างธุรกิจบนคุณธรรม

นางสาววทันยา บุนนาค
 จับโกงด้วยระบบ และสร้าง trust ให้คนพร้อมร่วมมือ

ในงานยังมีเวทีเสวนาหัวข้อ “ไม่โกง ไม่เกิด..จริงหรือ?” ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นางสาววทันยา บุนนาค อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.), ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน, 3. รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, 4.นางสาวลิซ่า งามตระกูลพานิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และ 5.นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)

นางสาววทันยา บุนนาค อดีต สส. กล่าวว่า ถ้าไม่โกงจะไม่ได้เกิดจริงหรือ ทุกคนน่าจะตอบในใจว่า ไม่จริง ยังมีวิธีแจ้งเกิดด้วยวิธีอื่น ๆ แต่เหตุที่ยังต้องมาคุยเรื่องนี้กันอยู่ เพราะปัญหายังไม่ถูกแก้ไข จึงต้องมาช่วยกันเผยแพร่แนวคิดว่า ต่อให้ไม่โกงทำทุกอย่างถูกต้อง เราก็ยังสามารถเติบโตได้ ในสมัยที่เป็น สส. เข้าไปทำงานในสภาฯ พบว่านักการเมืองหลายคนก็มีเจตนาที่ดี แต่เมื่อเข้าไปเจอกับวัฒนธรรมภายในกลับเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เกิดเป็นหลุมดำในการพัฒนาประเทศ

“สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้อาจทำให้หลายคนหมดหวังกับการเมืองไปเรื่อย ๆ เพราะเห็นคนโกงเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญ แถมยังใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ แต่อยากจะย้ำให้ทุกคนตระหนักว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่หลังรัฐบาลชุดปัจจุบันทำงานครบ 4 เดือนจริง เมื่อเข้าสู่คูหาแล้วทุกคนมีพลังที่จะช่วยยับยั้งไม่ให้คนโกงเข้าสู่สภาได้ เพราะหากคน ๆ นั้นใช้เงินซื้อเสียงมาตั้งแต่แรก เมื่อเข้าไปได้ สิ่งที่เขาจะจดจ่อก็คือการถอนทุนคืน” นางสาววทันยากล่าว

ดร.เดชรัต สุขกำเนิด
ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า การโกงอาจจะทำให้แจ้งเกิดทางการเมืองได้ แต่ถามว่าจะเกิดได้นานแค่ไหน ในปัจจุบันเราจะเห็นนักการเมืองบางคนแจ้งเกิดได้เพราะปราบโกงเหมือนกัน สำหรับวิธีแก้ไข ความจริงบทลงโทษการทุจริตในไทยก็ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่คนโกงถูกจับได้น้อย จึงควรมาร่วมกันหาวิธีช่วยให้คนโกงถูกจับได้มากขึ้นด้วยการเน้นเรื่องการเปิดเผยข้อมูล (open data) เพราะเทคโนโลยีที่จะช่วยในการตรวจสอบเรื่องนี้มีมากขึ้น หากรัฐเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น เราก็จะสามารถจับการโกงได้มากขึ้น

“คำถามที่ว่าปัญหาการทุจริตยังคาดหวังกับนักการเมืองได้อยู่ไหม สำหรับประเทศไทย ไม่ว่าจะมีนักการเมืองหรือไม่ ก็จะมีคนใช้อำนาจอยู่ดี อย่างไม่นานมานี้ เหล่านักการเมืองเคยถูกวางไว้ที่ข้างสนามแต่การโกงก็ยังมีอยู่ จึงอยากชักชวนให้ทุกคนมาช่วยกันตรวจสอบ” ดร.เดชรัตกล่าว

รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช
รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วิธีปราบโกงในฐานะหน่วยงานรัฐ สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือกลไก โดยเฉพาะในการติดตามและประเมินผลนับเป็นกลไกรัฐที่อ่อนแอที่สุด หากกลไกนี้เข้มแข็ง ใครไม่ทำงาน ใครทำผิด ใครจะโกง ก็จะถูกพบเห็นได้โดยง่าย อย่าง กทม. พยายามจะทำ one stop service เช่น การขอใบอนุญาตก่อสร้างต่าง ๆ การยื่นเข้ามาต้องทำผ่านระบบออนไลน์และมีกำหนดระยะเวลาชัดเจนว่าภายในกี่วัน หากช้าต้องมีคำตอบ หรือโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท กทม.จะเอาเข้าโครงการข้อตกลงคุณธรรม (IP) ให้หมด และยังอยากได้ความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลฯ หรือ PDPA ด้วยว่า ข้อมูลแบบไหนเปิดเผยได้-ไม่ได้

“การปลูกฝังคนว่าอย่าทุจริต จะพูดแค่ลอยๆ ไม่ได้ ควรจะมีช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมร้องเรียนแจ้งเบาะแส ซึ่งต้องเป็นช่องทางที่ประชาชน trust ว่าแจ้งแล้วจะได้รับการแก้ไข พร้อมกระบวนการติดตามตรวจสอบที่ดี การสร้างกลไกที่ดี คือทำให้คนชั่วมันทำชั่วยากขึ้น ไม่ใช่จะไปหวังแค่ว่าจะให้มีคนดีเข้ามาทำงานทั้งร้อยเปอร์เซนต์” รศ.ดร.ทวิดากล่าว

นางสาวลิซ่า งามตระกูลพานิช
นางสาวลิซ่า งามตระกูลพานิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า คนที่เชื่อว่า โกงได้แต่ขอให้มีผลงาน มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยังเชื่อคำพูดนี้ สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่มีผู้ประกอบการกว่า 2 หมื่นราย จะต้านโกงจากผู้ประกอบการแค่รายใดรายหนึ่งคงไม่ได้ผล ต้องไปด้วยกันทั้งองคาพยพ ผู้รับเหมาไม่มีใครอยากจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ก็อาจถูกรัฐกลั่นแกล้ง เช่น ดึงเรื่องให้ช้า แก้ไขสัญญา ฯลฯ หากขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจน การโกงก็จะน้อยลง ส่วนตัวเคยเจอเหตุการณ์ยื่นประมูลงานกับหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ให้ราคาต่ำที่สุดไปถึง 3 ครั้ง แต่กลับถูกยกเลิกการประมูล และจ้างผู้รับเหมารายอื่นด้วยวิธีพิเศษแทน จึงยื่นเรื่องไปให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ แต่ผ่านมา 8 ปีแล้วกลับไม่มีอะไรคืบหน้า

“ยังมีความหวังว่า ปัญหาการทุจริตจะยังแก้ไขได้ เพราะมองว่า เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดต่ำสุด ก็จะเริ่มโงหัวขึ้น” นางสาวลิซ่ากล่าว

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์
นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปล่อยให้คนโกงได้เปรียบคนที่ทำทุกอย่างโปร่งใส โดยไม่มีคนมาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง มันก็ทำให้คนโกงหลายคนแจ้งเกิดได้ ถามว่าผู้มีอำนาจรู้ไหม ก็เห็น ๆ อยู่ แต่เขาจะจัดการไหม สุดท้ายประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมาทำกันเอง มีคนถามว่าระหว่างโกงแต่มีผลงานกับสุจริตแต่ไม่มีผลงานจะเลือกใคร อยากถามว่าแล้วจำเป็นต้องเลือกแค่ 2 ทางเลือกนี้เหรอ สำหรับผม ถ้าดีก็ชม โกงก็จับ ทำงานไม่เป็นก็ให้คนอื่นมาทำแทน

“วิธีแก้โกงต้องเริ่มจากเอาน้ำดีไปไล่น้ำเสีย แม้จะยากแต่ก็ต้องเริ่มทำ และปลูกฝังเด็กสมัยนี้ว่าอย่าโกงแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ทุกอย่างมันอยู่รอบตัวเรา ต้องช่วยกัน” นายพันธ์กล่าว

ทั้งนี้ ระหว่างการเสวนามีการเปิดให้ผู้เข้าร่วมงานทั้ง on-site และ online ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันแบบ real-time ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ทางองค์กรฯจะเผยแพร่ข้อมูลในลำดับต่อไป


 4 โครงการประชาชนร่วมต้านทุจริต ช่วยประหยัดภาษีแสนล้าน
ที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ร่วมกับภาคีภาคส่วนต่าง ๆ สร้างเครื่องมือสู้โกงที่เน้นให้
ประชาชนมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 

1. โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) หรือ IP เพื่อสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีโครงการขนาดใหญ่มูลค่าเกินพันล้านบาทขึ้นไป ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2560 ด้วยการเปิดให้มี “ผู้สังเกตการณ์อิสระ” เข้าไปทำหน้าที่ติดตามโครงการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำ TOR จนถึงการส่งมอบงานในระหว่างปี 2558-2563มีโครงการที่เข้าร่วม IP จำนวน 193 โครงการ รวมวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท ผลลัพธ์เชิงบวกที่เกิดขึ้น ช่วยให้เกิดการประหยัดงบประมาณไปได้อย่างน้อย 7.8 หมื่นล้านบาท

2.โครงการ Construction Sector Transparency หรือ CoST ที่กำหนดให้โครงการก่อสร้างในท้องถิ่นหรือส่วนภูมิภาคเปิดข้อมูลตามมาตรฐาน CoST เพื่อลดการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมกำกับดูแลโครงการก่อสร้างพื้นฐานในท้องถิ่นได้สะดวกมากขึ้น โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา CoST ช่วยประหยัดงบประมาณไปได้ถึง 2.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 7% ของงบประมาณ 4.5 แสนล้านบาท ของ 7,118 โครงการที่เข้าร่วม CoST

3. ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ACT Ai ระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่แสดงผล เชื่อมโยง และวิเคราะห์ข้อมูลจากชุดข้อมูลเปิดของภาครัฐเพื่อช่วยในการติดตามตรวจสอบการคอร์รัปชัน ผ่าน 4 ชุดข้อมูล ได้แก่ (1) .ระบบฐานข้อมูลจับโกงจัดซื้อจัดจ้าง (actai.co) จัดเก็บข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ปัจจุบันมีข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างในระบบจำนวน 42.2 ล้านโครงการ (2).ฐานข้อมูลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง (poldata.actai.co) ทั้งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง ไปจนถึงความคืบหน้าเรื่องกล่าวหาใน ป.ป.ช. โดยเฉพาะคดีที่ชี้มูลความผิดแล้ว 3.จับโกงงบ อบจ. (ACT Ai ผ่างบเมือง) เปิดเผยงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่งเผยแพร่ผ่านไมโครไซต์ localbudgeting.actai.co และ (4) ฟ้องโกงด้วยแชตบอต (Corruption Watch) รับการแจ้งเบาะแสผ่าน LINE OA โดยเผยแพร่และรายงานสถานะบนเว็บไซต์ cs.actai.co

4.โครงการปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน (Facebook Page) เครือข่ายสู้โกงภาคประชาชน ที่คอยตรวจสอบ จับตา เฝ้าระวังคอร์รัปชัน สร้างหมาเฝ้าบ้านให้กับประเทศ ด้วยการทำงานร่วมกันในการตรวจสอบ และเผยแพร่ข้อมูลการทุจริตผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งมียอดการมองเห็น (reach) สูงถึง 174 ล้านครั้ง และการมีส่วนร่วม (engagement) อีก 25 ล้านครั้ง จนเกิดการขยายผลในวงกว้าง ทำให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบ เช่น ป.ป.ช., สตง. และ ป.ป.ท. เข้ามาตรวจสอบ ถึงปัจจุบัน มากกว่า 400 เคส และสามารถชี้มูลความผิดบุคคลที่ทุจริตได้ในหลายกรณี


กำลังโหลดความคิดเห็น