ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat เช้าวันนี้ ( 28 ส.ค.2568) ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ถูกน้ำป่าไหลหลากเกิดดินโคลนถล่ม
“พายุคาจิกิ” ที่ลดกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง พัดถล่มหมู่บ้านปางอุ๋ง ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่มเกิดน้ำท่วมดินโคลนถล่ม บ้านเรือนได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตหลายราย..ปัจจัยที่เป็นสาเหตุสำคัญในพื้นที่นี้ คือ
1.อำเภอแม่แจ่มมีลักษณะเป็นภูเขาสูงสลับกับที่ราบลุ่มแม่น้ำเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิง อำเภอแม่แจ่ม มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขาประมาณ 70% ของพื้น ที่ทั้งหมดซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติแม่แจ่มและพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ เป็นจำนวนมาก แม้ว่าพื้นที่บางส่วนจะถูกนำไปใช้ในการเกษตรและการอยู่อาศัย แต่พื้นที่ป่าไม้ยังคงครอบคลุมส่วนใหญ่ของอำเภอ
2.เกิดฝนตกหนักและต่อเนื่องเป็นเวลานานจากพายุคาจิกิที่หย่อมความกดอา กาศต่ำพัดพาดผ่านเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีปริมาณน้ำมีมากผิดปกติ
3 สภาพป่าเสื่อมโทรม การทำลายป่าไม้และการปลูกข้าวโพดบนพื้นที่เขาลาดชัน ทำให้ป่าไม่สามารถอุ้มน้ำได้ดี น้ำฝนจึงไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
ทั้งนี้..อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์อยู่ประมาณ 85,000 ถึง100,000 ไร่ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้อีกจากปัจจัยด้านราคาและการสนับสนุนจากรัฐ อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ปลัด ทส. ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ได้ “มอบสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินคทช.ให้แก่ประชาชนแม่แจ่มทั้งอำเภอ เนื้อที่ประมาณ 400,000 ไร่เพื่อหนึ่งของโครงการ ‘แม่แจ่มโมเดลพลัส’ ไม่เผาป่า
4 ระบบระบายน้ำไม่ทัน เมื่อปริมาณน้ำฝนมากเกินไป ประกอบกับระบบระบายน้ำที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับได้ทัน จึงเกิดภาวะน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลาก
5 การไหลรวมของน้ำจากหลายแหล่ง จากอำเภออื่นๆ เช่น เชียงดาว และแม่แตงซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของลุ่มน้ำปิงที่ไหลมารวมหันผ่านอำเภอแม่แจ่ม
สรุป : สภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยภูเขา บางส่วนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมในที่สูง ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาจำนวนมากโดยเฉพาะเมื่อมีพายุหรือร่องมรสุมแปรปรวน จะไม่สามารถไหลระบายออกได้ทัน จึงเกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มลงสู่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ราบ