xs
xsm
sm
md
lg

อบก.โชว์ผลงานเด่นปี’68 มุ่งขับเคลื่อนทุกภาคส่วนร่วมการลดก๊าซเรือนกระจก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ อบก.
อบก.เผยผลการดำเนินงานปี 2568 เดินหน้าติดตามและประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจกจากมาตรการของประเทศ มุ่งยกระดับมาตรฐาน T-VER เทียบเท่ามาตรฐานสากล ส่องโครงการคาร์บอนเครดิตที่มีความโดดเด่น พร้อมส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต หนุนผู้ส่งออกไทยเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการ CBAM หนุนการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พัฒนาแนวทางลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัดและนวัตกรรมระบบการรับรองชุมชนและเมืองคาร์บอนต่ำ ยกระดับมาตรฐานการอบรมสู่สากล พร้อมสร้างเครือข่ายวิทยากรและหน่วยฝึกอบรมภายนอก

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO จัดงานแถลงผลการดำเนินงานปี 2568 และทิศทางในอนาคตของ อบก.นำโดย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ อบก.และ ดร.ณัฐริกา
วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ อบก.
เมื่อเร็วๆ นี้

ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ อบก.
อบก. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานและทิศทางการดำเนินงาน ดังนี้

๐ การติดตามและประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจกจากมาตรการของประเทศ
อบก. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สส. สนพ. สนข. คพ. กรอ. และ สศก.) ดำเนินการติดตามประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับมาตรการ/นโยบายของประเทศ เพื่อรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องรวมถึงพัฒนาวิธีการคำนวณ และกระบวนการตรวจวัด รายงาน และทวนสอบ (Measurement, Reporting and Verification: MRV) สำหรับมาตรการที่มีศักยภาพการลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติม โดยดำเนินการติดตามประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจกจาก 5 สาขา ประกอบด้วย สาขาพลังงาน สาขาคมนาคมขนส่ง สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ สาขาการจัดการของเสีย และสาขาเกษตร โดยใช้ข้อมูลผลการดำเนินงานปี พ.ศ. 2566 ในเบื้องต้น พบว่าประเทศไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 73.6125 MtCO 2 eq

๐ การยกระดับมาตรฐานโครงการ T-VER เทียบเท่ามาตรฐานสากล
ปัจจุบันโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) มีมาตรฐาน 2 ระดับ คือ “โครงการ Standard T-VER” และ “โครงการ Premium T-VER” ซึ่งโครงการ Standard T-VER มีโครงการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งหมด 547 โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ เท่ากับ 14,244,207 tCO 2 eq/year มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง เท่ากับ 22,219,913 tCO 2 eq สำหรับโครงการ Premium T-VER มีโครงการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งหมด 4 โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ เท่ากับ 19,517 tCO 2 eq/year

นอกจากนี้ อบก. ได้ส่ง Premium T-VER ไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เพื่อพิจารณาให้คาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองจากโครงการ Premium T-VER เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการบินภายใต้มาตรการ CORSIA ได้


๐ โครงการคาร์บอนเครดิตที่มีความโดดเด่น

โครงการคาร์บอนเครดิตธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออก) เป็นโครงการ T-VER ภายใต้การดำเนินงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) มีขอบเขตการดำเนินงานในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคตะวันออก โดยกลุ่มโครงการย่อยที่ 1 ภายใต้แผนงานฯ (โครงการฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER แล้วเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 มีเกษตรกรสมาชิกธนาคารต้นไม้ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 61 ราย คิดเป็นพื้นที่ 587.32 ไร่ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ 302 tCO 2 eq/year นอกจากนี้ ธกส. มีการขยายผลการดำเนินงานไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER แบบแผนงาน เพิ่มอีก 8 โครงการ รวมทั้งหมด 9 โครงการ มีเกษตรกรสมาชิกเข้าร่วมกว่า 584 ราย พื้นที่รวมทั้งหมด 7,012.89 ไร่ ในพื้นที่ 12 จังหวัด มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ เท่ากับ 2,930 tCO 2 eq/year

รวมทั้ง โครงการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่า และความเสื่อมโทรมของป่า และการเพิ่มพูนการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านโค้งตาบาง จังหวัดเพชรบุรี เป็นป่าชุมชนแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER ซึ่งมีกรมป่าไม้เป็นเจ้าของโครงการ และผู้พัฒนาโครงการ โดยมี อบก. ให้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้ และงบประมาณในการพัฒนาโครงการ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2558 มีพื้นที่ป่าชุมชนเข้าร่วมโครงการเท่ากับ 1,397 ไร่ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ เท่ากับ 743 tCO 2 eq/year มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้การรับรอง เท่ากับ 5,259 tCO 2 eq โดยมีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตสร้างเงินรายได้เข้าสู่ป่าชุมชนกว่า 7.099 ล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการป่าชุมชนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER แล้วทั้งหมด 51 โครงการ โดยมีป่าชุมชนเข้าร่วมกว่า 245 ป่าชุมชน คิดเป็นพื้นที่ป่าชุมชน 245,980.29 ไร่ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ เท่ากับ 139,276 tCO 2 eq/year

๐ ปีงบประมาณ 2568 (ข้อมูล 1 ต.ค. 67 - 30 มิ.ย. 68)
อบก. ส่งเสริมให้มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตแล้วในปริมาณ 275,856 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 28,936,744 บาท นอกจากนี้ TGO ได้การจัดทำ “รายงานผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2568 (The 2025 Thailand’s Voluntary Carbon Market Outlook)” ซึ่งทำการสำรวจพฤติกรรมของผู้เล่นและผู้ที่สนใจในตลาดคาร์บอนของประเทศไทย โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 263 ราย ครอบคลุมองค์กร 254 แห่ง ซึ่งประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากผลการสำรวจ คือผู้ซื้อส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อคาร์บอนเครดิตเพราะต้องการนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร แต่มีปริมาณที่ต้องการซื้อและชดเชยอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง โดย 78% ชดเชยต่ำกว่า 5,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทั้งนี้ มากกว่า 50% เน้นการซื้อแบบวางแผนล่วงหน้า

โดยช่องทางการซื้อคาร์บอนเครดิตที่ดำเนินการอยู่คือผ่านรูปแบบ OTC และนิยมคาร์บอนเครดิตภายใต้มาตรฐาน T-VER เป็นหลัก และ มากกว่า 50% ยินดีซื้อคาร์บอนเครดิตในช่วงราคา 50 – 200 บาท/tCO 2 eq เนื่องจากเป็นราคาที่คุ้มค่าในการลงทุน และสอดคล้องกับราคาตลาดในไทยและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อส่วนใหญ่มีพฤติกรรมรอดูสถานการณ์ (Wait and See) จากการบังคับใช้ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะภาคเอกชนไม่มีแรงจูงใจที่ชัดเจนหรือเพียงพอในการเข้าซื้อคาร์บอนเครดิตอย่างต่อเนื่องทั้งจากมิติของแรงผลักดันทางกฎหมาย สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือแรงจูงใจจากภาคการเงินและการลงทุนทำให้ความต้องการขยายตัวอย่างจำกัด


๐ การสนับสนุนผู้ส่งออกไทย เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการ CBAM
โดย อบก. ได้พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม “CBAM-CFP Platform” ขึ้นสำหรับใช้เป็นระบบคำนวณค่า Embedded Emissions ของสินค้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินงานได้สอดคล้องกับมาตรการ CBAM โดยการเตรียมพร้อมของข้อมูล และมีความเข้าใจในการรายงานค่า Embedded Emissions ไปยังสหภาพยุโรป โดยแพลตฟอร์มได้รับการออกแบบให้การใช้งานได้ง่าย มีความถูกต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ CBAM โดยจะมีการเปิดใช้งานปลายปี พ.ศ. 2568

๐ การส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
โดยมีการติดตามและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มี อปท. จำนวน 334 แห่ง ที่สามารถประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและกำหนดแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

๐ การพัฒนาแนวทางลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด
ส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแผนการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับบริบทของจังหวัดนั้น ๆ ในปีงบประมาณ 2566-2567 อบก. ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนสิ่งแวดล้อม สผ.ร่วมมือกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) 76 จังหวัด ในการจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแผนการลดก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดจนเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 76 จังหวัด พร้อมทั้งยังได้ขยายผลให้จังหวัดมีการตั้งเป้าหมาย Net Zero GHG Emission ซึ่งในปัจจุบันมีจังหวัดที่มีเป้าหมายดังกล่าวแล้วทั้งหมด 32 จังหวัด

๐ การพัฒนานวัตกรรมระบบการรับรองชุมชนและเมืองคาร์บอนต่ำ
ในอนาคต อบก. มีแนวคิดที่จะการพัฒนานวัตกรรมระบบการรับรองชุมชนและเมืองคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในระดับพื้นที่ โดยชุมชนและเมืองที่ได้รับการรับรองจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เมืองและชุมชนเหล่านั้นได้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน


๐ การยกระดับมาตรฐานการอบรมสู่สากล
อบก. โดย สถาบันวิทยาการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (TGO Climate Action Academy: CAA) ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 สำหรับการให้บริการฝึกอบรมด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก ครอบคลุมทั้งการฝึกอบรมในสถานที่และออนไลน์ และ CAA ยังผ่านการตรวจประเมินรักษาระบบมาตรฐาน (Surveillance) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ยืนยันถึงคุณภาพการให้บริการและความมุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2568 (จนถึงไตรมาส 3) CAA ได้จัดการอบรมแล้ว 5 หลักสูตร กว่า 20 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมอบรมสะสม 1,677 คน มีระดับความพึงพอใจเฉลี่ย 91.81%

๐ การสร้างเครือข่ายวิทยากรและหน่วยฝึกอบรมภายนอก
CAA ได้ประกาศ “ขึ้นทำเนียบวิทยากรในหลักสูตรฝึกอบรมตามกลไก อบก.” และประกาศ “มาตรฐานหลักสูตรฝึกอบรมที่ อบก. ให้การยอมรับและการเป็นหน่วยฝึกอบรมภายนอกตามกลไก อบก.” เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ ได้มีส่วนร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก และรองรับความต้องการในการเข้ารับการฝึกอบรมกับ อบก. ที่มีเป็นจำนวนมาก และรองรับกฎหมายรายงานที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้บริการทางวิชาการ และกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวัด การรายงาน และการทวนสอบ และให้การรับรองปริมาณการปล่อย การลด/กักเก็บ และการชดเชยก๊าซเรือนกระจก (GHG Certify Body) รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาโครงการและการตลาดซื้อขายปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง เป็นศูนย์กลางข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ดำเนินงานด้านก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนให้คำแนะนำแก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เผยแพร่และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดการก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ./


กำลังโหลดความคิดเห็น