นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ และรองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่าในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าวอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อน ร่วมกับลิ่มความกดอากาศสูงจากซีกโลกใต้แผ่เข้ามา ส่งผลให้สภาพอากาศแห้ง มีเมฆน้อย ไม่มีฝน และท้องฟ้าเปิด
อีกทั้งแนวโคจรของดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับประเทศไทยในช่วงนี้ ยิ่งทำให้เกิดการสะสมความร้อนมากขึ้น
☀️ช่วงวันที่ 1- 5 ส.ค.68 มรสุมที่พัดปกคลุม ทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย มีกำลังอ่อน รวมทั้งมีลิ่มความกดอากาศสูงจากซีกโลกใต้ อากาศแห้งแผ่ขึ้นมาปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ของไทย ทำให้การก่อตัวหรือยกตัวของเมฆและฝนมีน้อย ท้องฟ้าโปร่ง โดยมีเมฆบางส่วน
ประกอบกับในระยะนี้แนวโคจรของดวงอาทิตย์ (Declination) ได้กลับมาตั้งฉากในบริเวณประเทศไทยอีกครั้ง เมื่อไม่มีเมฆมาบดบัง แสงของดวงอาทิตย์จึงส่องตรงกับประเทศไทยในแนวตั้งฉาก และเมื่อไม่มีฝนมาเพิ่มความชุ่มชื้น ความร้อนจึงถูกสะสมมากขึ้น อุณหภูมิทั่วประเทศไทยจึงสูงขึ้น อยู่ในเกณฑ์อากาศร้อนอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 36 – 38 C ํ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.68 เป็นต้นไปอากาศที่ร้อนอบอ้าวจะเริ่มคลี่คลายลง เมื่อมีเมฆและฝนเพิ่มขึ้น
📍 ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป จะเริ่มมีเมฆและฝนเพิ่มขึ้น อากาศร้อนจะค่อย ๆ คลี่คลายลงส่วนการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.68 เป็นต้นไป
📌 โดยเฉพาะช่วงวันที่ 10 – 21 สิงหาคม 2568 ประเทศไทยจะมีฝนกระจายเพิ่มขึ้น เข้าสู่ช่วงฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่:ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ซึ่งจะมีคลื่นลมแรง)
⚠️ ควรเฝ้าระวังฝนตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนโดยเฉพาะในช่วงเย็นถึงค่ำ
🔥รู้จัก "หนึ่งในเหตุผลที่ว่าช่วงนี้ทำไมร้อนจัง
วานนี้ (7 ส.ค.2568) เพจเฟซบุ๊ค ภูมิศาสตร์น่ารู้ Brr. โพสต์ว่าช่วงปลายเดือนกรกฎาคม - กันยายน เป็นรอบที่ 2 ของปีที่ดวงอาทิตย์☀️จะส่องแสงในแนวตั้งฉากบริเวณพื้นที่ประเทศไทย (รอบที่ 1 ช่วงเมษายน-พฤษภาคม) การที่แสงตั้งฉากจะทำให้แสงส่องมาระยะทางสั้นที่สุด
ดังนั้นความเข้มของแสงก็จะมากที่สุดด้วยเช่นกัน จึงทำให้นี่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกือบๆทุกจังหวัดของไทยร้อนกว่าปกตินั้นเอง
และอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อแสงตั้งฉากคือ “ไร้เงาหัว” หากเราสังเกตวัตถุกลางแดดในช่วงที่ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากตามเวลาของแต่ละพื้นที่ จะเห็นวัตถุเสมือนไร้เงา เนื่องจากเงาจะตกอยู่ใต้วัตถุพอดี
**ข้อสังเกตุกับปรากฏการณ์นี้ คือ จังหวัดที่อยู่ในเส้นแนวตั้ง(ลองจิจูด)เดียวกันเวลาจะเท่ากัน เช่น สระบุรีกับฉะเชิงเทรา ส่วนจังหวัดที่อยู่ในเส้นแนวนอน(ละติจูด)เดียวกันวันที่จะเท่ากัน เช่น เพชรบุรี กับ ชลบุรี