ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat เมื่อวานนี้ ( 5 ส.ค.2568) ถึงสาเหตุที่กรุงเทพมหานครในช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ ทั้งที่อยู่ในช่วงฤดูฝน
ต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568 กรุงเทพฯ มีลักษณะอากาศที่ “ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่ร้อนผิดปกติ" ถึงแม้จะดูเหมือนฝนจะตกหรือมีเมฆมาก แต่กลับรู้สึกว่ามีอากาศร้อนอบอ้าวกว่าปกติอย่างชัดเจน สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน 4 ด้าน ดังนี้
1. ฝนตกไม่สม่ำเสมอ → ฝนทิ้งช่วง
ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 (เช่น 1–5 ส.ค.) มีฝนตกน้อยกว่าปกติ แม้ท้องฟ้าจะครึ้มแต่ไม่มีฝนมากแต่อย่างใด พื้นดินและอาคารยังคงสะสมความร้อนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไม่มีฝนมาชะล้างหรือคลายความร้อน
2. แดดแรง..แม้ไม่มีแสงจ้า
เมฆในท้องฟ้าบางชนิด เช่น “เมฆสลัว” หรือ “เมฆบางในชั้นสูง” กรองแสงได้ไม่หมด → ความร้อนจากแสงแดดยังทะลุลงมาถึงพื้นดิน ทำให้อากาศร้อนแม้จะดูเหมือนจะไม่มีแสงแดดในขณะที่ลมสงบ จึงเกิดความรู้สึกร้อนอบอ้าวเนื่อง จากไม่มีลมระบาย
3. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อ่อนกำลัง
โดยปกติในช่วงนี้ควรมีลมมรสุมพัดพาฝนหรือความชื้นจากอ่าวไทยเข้าสู่แผ่นดินอย่างต่อเนื่องแต่ช่วงนี้ลมมรสุมกลับ “อ่อนกำลัง” → พัดพาฝนหรือความชื้นเข้ามาได้น้อยลง→ฝนกระจายไม่ทั่ว → อากาศจึงร้อนชื้นและอบอ้าว
4.เกิดการสะสมความร้อนของเมือง (Urban Heat Island)
อาคาร ถนน ซีเมนต์ในกรุงเทพฯ จะดูดซับความร้อนในช่วงเวลากลางวันไว้มาก แล้วจะค่อยๆคลายความร้อนออกมาในเวลากลางคืน → ทำให้เกิดสภาวะ "อากาศร้อนทั้งกลางวันและกลางคืน”
จากปรากฎการณ์ดังกล่าวจึงเกิดสภาวะอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ในช่วงต้นสิงหาคม 2568 กรุงเทพฯ อุณหภูมิแตะ 34–37°C
โดยปกติควรอยู่ในราว 31–33°C → แสดงว่าอากาศ "ร้อนผิดปกติ" จริง
นอกจากนี้ยังมีค่าความชื้นสัมพัทธ์สูง ด้วยจึงรู้สึก “อบอ้าว” มากขึ้นด้วย