ครบรอบ 10 ปี แห่งการพิทักษ์สายน้ำกับโครงการ “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ” บรรลุเป้าหมายคืนน้ำสะอาดกลับสู่ชุมชน และสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ สู่โมเดลตัวอย่างของประเทศไทย
บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จครบรอบ 10 ปี โครงการ “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ” ในพื้นที่คลองขนมจีน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งแบรนด์เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ได้มุ่งมั่นในการดำเนินโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางการฟื้นฟูแหล่งน้ำที่ยั่งยืนอย่างครบวงจร 3 ด้าน ได้แก่ เรียนรู้ ปกป้อง ฟื้นฟู จนทำให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจด้วยการคืนปริมาณและคุณภาพน้ำกลับสู่ชุมชนตามเป้าหมาย พร้อมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนคลองขนมจีน ล่าสุด สามารถยกระดับโครงการเป็นพื้นที่นำร่องระดับประเทศ สำหรับการดำเนินงานอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (Other Effective area-based Conservation Measures: OECMs) สำหรับพื้นที่บนบกและแหล่งน้ำบนบกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นายไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา “โครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ” จากแบรนด์เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการสร้างคุณค่าและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมไทย โดยเนสท์เล่มีเป้าหมายใหญ่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ หรือ Net Zero 2050 ซึ่งมีแผนงานด้านการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ Water Stewardship เป็น 1 ใน 4 แผนงานหลักของเราในการก้าวไปสู่ Net Zero เรามีความภูมิใจที่โครงการที่คลองขนมจีนแห่งนี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เราได้ร่วมกันดูแลและฟื้นฟูคลองขนมจีนจนมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สร้างประโยชน์ให้กับชาวชุมชนคลองขนมจีน และเราจะยังคงเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนเพื่อคนรุ่นถัดไป”
ดร.วัชราภรณ์ ตันติพนาทิพย์ จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า “เราได้เห็นพัฒนาการที่ดีในแง่มุมของความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณคลองขนมจีนตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการของเนสท์เล่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนด้านการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตและการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิต การเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะกลุ่มหอยกาบและปลาน้ำจืดหลายชนิดที่เคยสูญหายไปจากคลองขนมจีนแต่ในปัจจุบันพบการแพร่กระจายและขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งภายในระบบนิเวศและความสมบูรณ์ของห่วงโซ่อาหาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลและความอุดมสมบูรณ์แก่คลองขนมจีนอย่างยั่งยืน”
10 ปี โครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างครบวงจร
โครงการ เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ ริเริ่มขึ้นจากความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจที่สร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีจุดเริ่มต้นขึ้นในปี 2558 และได้ขยายบทบาทเป็นโครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ ในปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมแนวทางการฟื้นฟูน้ำ 3 ด้าน ที่ยั่งยืนและครบวงจรเป็นรายแรก ได้แก่ เรียนรู้ ปกป้อง ฟื้นฟู โดยมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการนี้อย่างรอบด้าน
1. เรียนรู้ - ให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
เริ่มต้นจากโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ ในปี 2558 ซึ่งเป็นโครงการประกวดแผนงานเพื่ออนุรักษ์แหล่งน้ำของโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนสาคลีวิทยาเป็นโรงเรียนที่ชนะการประกวด ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่อง และได้จัดทำศูนย์การเรียนรู้ ณ โรงเรียนสาคลีวิทยา เมื่อปี 2561 เพื่อเป็นพื้นที่แห่งการถ่ายทอดความรู้ และส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำอย่างครบวงจร และเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของโครงการ เนสท์เล่ได้ปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ โดยเพิ่มความรู้ในแง่มุมของการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ปกป้อง - ลดและป้องกันไม่ให้มีขยะหลุดลอดลงสู่แหล่งน้ำ
เนสท์เล่สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการปกป้องแหล่งน้ำไม่ให้มีขยะหลุดลอดสู่แหล่งน้ำ ผ่านการจัดกิจกรรม ตลาดนัดขยะชุมชน โดยเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ได้ร่วมมือกับวงษ์พาณิชย์ เปลี่ยนขยะให้เป็นรายได้ของชาวบ้าน
ที่ผ่านมาได้รวบรวมขยะรีไซเคิลเข้าสู่ระบบได้มากกว่า 16 ตัน ล่าสุดได้เปิดตัวธนาคารขยะ นำร่องที่โรงเรียน
สาคลีวิทยาเพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างถูกวิธี เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนและสามารถสร้างรายได้ให้กับนักเรียนและชุมชน
3. ฟื้นฟู - ดูแลและปรับปรุงคุณภาพน้ำในคลองและสร้างความหลากหลายทางชีวภาพให้ระบบนิเวศ
เนสท์เล่ให้ความสำคัญกับแนวทางการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เนสท์เล่รักษ์น้ำ คืนปลาสู่คลองขนมจีน จัดทำบ่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาท้องถิ่นหายาก เช่น ปลากระทิง ปลาหลด ปลาหมู ปลาแดง นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนการปลูกพืชน้ำ เช่น กระจับ แพงพวยน้ำ บัวสาย ต้นเตยหอม และในโอกาสครบรอบ 10 ปี ยังได้ปล่อยพันธุ์ลูกกุ้งก้ามกรามจำนวน 100,000 ตัวสู่คลองขนมจีนเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์
ตลอดระยะเวลาของโครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ เนสท์เล่ได้ดำเนินงานร่วมกับโรงเรียน ชาวบ้านชุมชนและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น รวมทั้งพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กรมชลประทาน กรมประมง และมูลนิธิ WWF ประเทศไทย รวมไปถึงวงษ์พาณิชย์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เพื่อดูแลและฟื้นฟูคลองขนมจีนมาอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี
๐ ผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม สู่โมเดลต้นแบบของประเทศไทย
“ด้วยการดำเนินงานอย่างครบวงจรของโครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ ก็ส่งผลให้น้ำในคลองขนมจีนกลับมาสะอาด และมีคุณภาพน้ำที่ดีขึ้น ชาวบ้านในชุมชนก็สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำในคลองในการทำการเกษตรทั้งประมงพื้นบ้าน และปลูกพืชผักในน้ำ เพื่อการบริโภค สร้างรายได้ และยังกลับมาใช้คลองเป็นเส้นทางสัญจรของชุมชน ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นการฟื้นฟูคลองขนมจีนครบทุกมิติ เพื่อการดำเนินชีวิตร่วมกับแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน นอกจากนั้น การดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ยังทำให้เนสท์เล่สามารถบรรลุเป้าหมายในการชดเชยน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชน ในปริมาณเท่ากับที่เราใช้ในการดำเนินธุรกิจน้ำดื่มทั้งหมด 100% หรือที่เรียกว่า 100% Water Regeneration โดยคิดเป็นปริมาณกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในสิ้นปีนี้” นายไชยงค์ กล่าวเสริม
ล่าสุดโครงการ “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ” จากแบรนด์เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ได้ยกระดับสู่มาตรฐานสากลในการฟื้นฟู ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการดำเนินงานอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (Other Effective area-based Conservation Measures: OECMs) สำหรับพื้นที่บนบกและแหล่งน้ำบนบกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ก้าวต่อไปของโครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ คือการต่อยอดในการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพบริเวณคลองขนมจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วยการสร้างความเข้มแข็งของแต่ละชุมชนให้สานต่อการปกป้องฟื้นฟูคลองอย่างจริงจัง พร้อมกับขยายพื้นที่โครงการไปสู่ต้นคลองและปลายคลอง ด้วยการขยายจำนวนชุมชนให้เข้าร่วมโครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง ผ่าน 3 แนวทางหลัก เรียนรู้ ปกป้อง ฟื้นฟู เพื่อพิทักษ์สายน้ำให้คงอยู่กับเราอย่างยั่งยืน