ชีวิตที่มีคุณค่าไม่ได้หยุดอยู่แค่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ยังรวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ส่งต่อสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม นี่คือแนวคิดที่ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ สะท้อนออกมาผ่านโครงการ “ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์” ที่วันนี้ได้เปิดโอกาสให้พนักงานในองค์กรได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้ให้ และสร้างคุณค่าทางใจทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ ก่อตั้งขึ้นจากเจตนารมณ์ของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ที่ตั้งใจมอบเงินทุนส่วนตัวเพื่อส่งเสริมการศึกษา บำรุงศาสนา และพัฒนาสังคม โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 16 ปี ได้มอบเงินสนับสนุนให้กับองค์กรต่างๆ แล้ว 112 องค์กร เป็นเงินกว่า 533 ล้านบาท โดยในปี 2568 ได้มอบทุนกว่า 21 ล้านบาท ให้แก่ 30 หน่วยงาน แบ่งเป็นด้านการศึกษา 16 หน่วยงาน ศาสนา 1 หน่วยงาน และสังคม 13 หน่วยงาน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
ความงดงามของโครงการนี้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน หากแต่อยู่ที่วิธีดำเนินงานที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในฐานะ "สะพานบุญ" ผ่านการเป็นจิตอาสาเพื่อลงพื้นที่ไปสำรวจความต้องการของแต่ละชุมชน มีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด ไปจนถึงการเป็นผู้เสนอหน่วยงานที่เหมาะสมที่จะได้รับทุน วิธีการนี้นับว่าสอดคล้องกับแบรนด์ดีเอ็นเอของพฤกษาภายใต้แนวคิด "WORK LIFE WELL-LIVED ชีวิตอย่างดี...ที่พฤกษา" ที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านศักยภาพในด้านการงานและชีวิตส่วนตัว ให้ทุกคน “อยู่ดี มีสุข” ที่พฤกษา
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าชีวิตที่ดีไม่ใช่แค่การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือชีวิตส่วนตัว แต่ต้องรวมถึงการได้ส่งต่อสิ่งที่ดีและมีคุณค่าให้กับผู้อื่นด้วย โครงการทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์เริ่มต้นมาจากความตั้งใจของผมที่จะมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คนทั้งด้านการศึกษา ศาสนา และสังคม แต่วันนี้โครงการได้สะท้อนความตั้งใจของพนักงานด้วย ผมรู้สึกดีใจที่พนักงานพฤกษาได้เข้ามาร่วมกันเป็นผู้ให้ และเชื่อว่าเมื่อคนในองค์กรดี องค์กรก็จะเติบโตดีไปด้วย พฤกษาจึงเป็นพื้นที่การทำงานที่ไม่ใช่มุ่งแค่เป้าหมาย แต่คือความหมายที่เราร่วมสร้างไปด้วยกัน”
หนึ่งในพนักงานจิตอาสาในโครงการทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ นายณรงค์ฤทธิ์ พิมพ์มา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้ถ่ายทอดความรู้สึกในการเข้าร่วมโครงการว่า “การเป็นจิตอาสาไม่ใช่แค่การช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาจิตใจ สร้างวินัย และขัดเกลาความเป็นมนุษย์ของเราให้ละเอียดขึ้น ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน งานจิตอาสาคือพื้นที่ให้เราได้เห็นสังคมอีกมุมนึง ได้เตือนสติและชะลอความเร่งรีบนั้น ให้กลับมาเติมตัวเองด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน และน่าอยู่ยิ่งขึ้นได้”
ประสบการณ์การลงพื้นที่ของณรงค์ฤทธิ์โดยเฉพาะกับโครงการโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่และครูข้างถนนของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ทำให้เข้าใจนิยามของคำว่า “บ้าน” ผ่านสายตาของเด็ก ๆ ที่ชีวิตไม่ได้มีความมั่นคงอย่างที่เราคิด “ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งแม้เพียงกำลังเล็ก ๆ ที่ช่วยต่อเติมโอกาสในชีวิตให้กับเด็กเหล่านี้ได้” ณรงค์ฤทธิ์ยังกล่าวต่อว่า “เมื่อก่อนมองว่าชีวิตคือการแข่งขัน แต่วันนี้ผมเชื่อว่าชีวิตที่มีความหมาย คือ การนำพาใครสักคนไปถึงจุดที่เขาไม่เคยคิดว่าจะไปถึง นั่นต่างหากคือความสำเร็จของชีวิต”
ในอีกมุมหนึ่ง นางสาวภาวิณี เอมศิลปี CSR Specialist บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้แบ่งปันประสบการณ์จากการร่วมเป็นจิตอาสาว่า “เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่สิ่งที่เรามีคือจิตใจที่อยากช่วยเหลือ การเป็นจิตอาสาให้กับโครงการทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ ทำให้เราได้เป็นทั้งผู้ให้ในฐานะสะพานบุญ และได้เป็นผู้รับความสุขจากรอยยิ้มของผู้คนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
ประสบการณ์การลงพื้นที่ทำให้ภาวิณีพบว่า ตัวเองได้รับพลังบวกกลับมามากกว่าที่ให้ไป และได้มีโอกาสพบกับประสบการณ์ใหม่ที่ไม่อาจหาได้จากการทำงานในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นการได้พบกับนักศึกษาจากจังหวัดสตูลที่มีความมุ่งมั่นจะกลับไปพัฒนาชุมชนบ้านเกิด หรือแนวคิดการสร้างความยั่งยืนของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงที่ใช้เงินทุนไปต่อยอดสร้างอาชีพให้นักศึกษา
กิจกรรมนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของเธอต่อการดำเนินชีวิต ทั้งในเรื่องของการเปลี่ยนทัศนคติต่อการตัดสินผู้อื่น เพราะได้เรียนรู้และเห็นมุมมองของคนในบทบาทต่าง ๆ และการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ
จิตอาสาทั้งสองคนเห็นพ้องกันว่าแนวคิด “WORK LIFE WELL-LIVED” ได้รับการถ่ายทอดอย่างเป็นรูปธรรมผ่านกิจกรรมเหล่านี้ ซึ่งช่วยพัฒนาศักยภาพ สร้างประสบการณ์นอกเหนือจากงานประจำ และส่งเสริมให้พนักงานมีชีวิตที่สมดุล ทั้งในด้านอาชีพและจิตใจ
“ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์” จึงไม่เพียงสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับการศึกษา ศาสนา และสังคม แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่หล่อหลอมจิตใจ สร้างพลังแห่งการให้ และเติมเต็มความหมายของการทำงานในแบบที่ “พฤกษา” เชื่อมั่นว่า “เมื่อคนอยู่ดี องค์กรก็ยิ่งดี”