ความย้อนแย้งที่น่าขบคิด ในยุคเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนก้าวหน้าไปไกลจนต้นทุนต่ำลงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่นวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นรายวัน แต่เหตุไฉน !? โครงสร้างพลังงานของประเทศไทยกลับยังเผชิญกับความท้าทายเดิม ๆ ทั้งในเชิงราคา นโยบาย และการแข่งขัน
บนเวทีเสวนาครบรอบ 5 ปี ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. เมื่อ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลายเป็นพื้นที่สำคัญในการเปิดมุมมองต่อปัญหาที่หยั่งรากลึกของประเทศ พร้อมตอบคำถามสำคัญ ว่าเหตุใดเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าถึงยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาค่าครองชีพด้านพลังงานได้อย่างเต็มที่ และนวัตกรรมไทยจะก้าวข้ามอุปสรรคไปได้อย่างไร ในเมื่อเกิดแรงผลักดันเชิงนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้มีการเปลี่ยนผ่านพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด
วิสัยทัศน์ ENTEC : ชู 5 เทรนด์พลังงานแห่งอนาคต
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ ENTEC ว่าเป็นการรวมความเชี่ยวชาญของสองศูนย์วิจัยชั้นนำอย่างเอ็มเทคและเนคเทค เพื่อเป็นแกนหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานของประเทศ โดยมีพันธกิจสำคัญคือการทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรและถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งตลอด 5 ปี ENTEC ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ใช้งานได้จริงมากมาย เช่น น้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ “EnPAT” , ไบโอดีเซลเกรดพรีเมียม “Premium H-FAME” จากน้ำมันปาล์ม, ไปจนถึง แพลตฟอร์ม “Solar Sure” สำหรับบริหารจัดการแผงโซลาร์เซลล์หมดอายุ และโครงการ “Thailand BattSwap” ที่มุ่งสร้างระบบแพ็กแบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนได้จากวัสดุในประเทศ
ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ฉายภาพอนาคตที่ท้าทายยิ่งขึ้นว่า เทคโนโลยีพลังงานสะอาดคือหัวใจสำคัญที่จะนำพาประเทศบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2608 โดยเปิดเผย 5 เทรนด์เทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคตที่ ENTEC กำลังมุ่งวิจัยเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเป็นคำตอบสำหรับประเทศ ประกอบด้วย เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF), เซลล์แสงอาทิตย์เพอรอฟสไกต์-ซิลิคอน (Perovskite-Silicon Tandem Solar Cell), พลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Energy), โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMRs) และหัวใจสำคัญอย่าง ระบบกักเก็บพลังงานเชื่อมต่อโครงข่าย (Grid-scale Energy Storage)
โจทย์ใหญ่เชิงนโยบาย ‘ราคา’ และ ‘โครงสร้าง’ เป็นความท้าทายหลัก
แม้ภาพอนาคตทางเทคโนโลยีดูเหมือนมีความหวัง แต่โจทย์ใหญ่ปัจจุบันที่ยังคงรอการแก้ไขนั้น ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสะท้อนพฤติกรรมการบริโภคพลังงานที่สูง ควบคู่ไปกับความคาดหวังว่าราคาต้องไม่แพง ทัศนคตินี้ได้สร้างแรงกดดันทางการเมือง และนำมาซึ่งนโยบายพยุงราคาที่อาจสวนทางกับกลไกตลาด
ด้าน ดร.สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ให้ความเห็นว่า ใน 4 เสาหลักของนโยบายพลังงาน ได้แก่ ความมั่นคง พลังงานทดแทน ประสิทธิภาพ และราคา เสาหลักด้านราคาเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่สุด และการชดเชยราคาถือเป็นศัตรูของการอนุรักษ์พลังงาน แม้การชดเชยเป็นสิ่งจำเป็นในบางสถานการณ์ แต่ก็ไม่ควรทำแบบหน้ากระดาน
ในเชิงโครงสร้าง รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) ให้ทรรศนะว่า โครงสร้างตลาดพลังงานของไทยนั้นแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาหลายสิบปี และยังคงมีลักษณะเป็นผู้ซื้อรายเดียว (Single buyer) ที่ไม่มีผู้ซื้อที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง ทำให้เกิดสภาวะที่มีการแข่งขันเพื่อเข้าสู่ตลาด แต่กลับไม่มีการแข่งขันภายในตลาดเลยแม้แต่น้อย เคยมีมติคณะรัฐมนตรีมาเกือบ 10 ปีแล้วให้จัดตั้งองค์กรคุมระบบไฟฟ้าที่เป็นอิสระ (ISO) เพื่อส่งเสริมการแข่งขัน แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง
ความท้าทายยุคเปลี่ยนผ่าน เมื่อเทคโนโลยีก้าวนำและความซับซ้อนเพิ่มขึ้น
รองศาสตราจารย์ ดร.วิจารณ์ หวังดี ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้านเทคโนโลยีไฟฟ้ากำลัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ฉายภาพการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว โดยชี้ว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคที่ผู้ใช้ไฟฟ้ากลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอง (Prosumer) ผ่านโซลาร์รูฟท็อป เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้มาก แต่ความก้าวหน้านี้ก็นำมาซึ่งความท้าทายใหม่ที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ “ปฏิสัมพันธ์” ระหว่างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีใหม่อย่างอินเวอร์เตอร์ ซึ่งมีพฤติกรรมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และต้องอาศัยการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้ ENTEC จึงเป็น Partner ที่แข็งแกร่งในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านวัสดุศาสตร์เข้ากับวิศวกรรมไฟฟ้า
จากห้องแล็บสู่ตลาด เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการถึง ‘ช่องว่าง’ ของนวัตกรรมไทย
แม้เทคโนโลยีจะดีเพียงใด แต่การนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ยังคงเป็นโจทย์ที่ยากที่สุด ดร.สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เล่าถึงบทเรียนในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ค่ายรถยนต์เคยคาดการณ์ว่าอนาคตจะเป็นของ “พลังงานไฮโดรเจน” แต่ท้ายที่สุด “แบตเตอรี่” กลับเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอนาคตทางเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวตามเสมอ นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นถึง ‘Missing link’ หรือช่องว่างสำคัญระหว่างงานวิจัยกับการนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ และมองว่า ENTEC สามารถเข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนนี้ได้
เรื่องดังกล่าว นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉายภาพให้เห็นชัดจากตัวอย่างความพยายามนำนวัตกรรมน้ำยาฆ่าเชื้อประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาร่วมกับ ENTEC ไปเสนอให้กับโรงพยาบาล แต่กลับได้รับคำตอบว่าทางโรงพยาบาลสามารถผสมใช้เองได้ เรื่องราวนี้สะท้อนถึงอุปสรรคสำคัญในการสร้างการยอมรับและตลาดให้กับนวัตกรรมที่ผลิตโดยคนไทย แม้จะมีคุณสมบัติที่ดีและปลอดภัยกว่าก็ตาม อย่างไรก็ตาม เขายังมองเห็นโอกาสสำคัญว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะเป็นผู้นำในอาเซียนด้านมาตรฐานไฟฟ้า โดยหลายประเทศในภูมิภาคได้นำคู่มือที่พัฒนาโดยคนไทยไปปรับใช้แล้ว
ก้าวต่อไปของพลังงานไทย เมื่อเทคโนโลยีต้องเดินคู่กับวิสัยทัศน์
ส่วนหนึ่งของผู้ร่วมเสวนาให้ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ที่เปี่ยมด้วยความหวัง ดร.คุรุจิต ให้กำลังใจนักวิจัยว่าต้อง “ยืนหยัดในสิ่งที่ทำ” แม้นโยบายการเมืองอาจเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ รศ. ดร.สุธรรม เสนอให้ ENTEC ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางเครือข่ายพลังงานของภูมิภาค (Regional Networking Hub) เพื่อดึงดูดเงินทุนและความร่วมมือจากทั่วโลก
ตอกย้ำถึงภารกิจของศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ว่าการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยเพียงอย่างเดียวไม่อาจนำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืนทางพลังงานได้ หากปราศจากระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยและการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่จะต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน