ทีเคพาร์ค ชวนเดินทางไปกับหนังสือล้านเล่มในโครงการ”อ่านแล้ว อ่านอีก” อีกขั้นของการส่งต่อโอกาส ปลุกพลังปัญญา และ “หนึ่งในการให้ที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ” ครูไทยในพื้นที่ห่างไกลร่วมถ่ายทอดพลังของ “อ่านแล้ว อ่านอีก” กลไกเพื่อ “การเรียนรู้ที่ไม่เหลื่อมล้ำ” ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
แม้ตัวเลขจากผลสำรวจปี 2568 จะชี้ให้เห็นว่าคนไทยอายุ 7 ปีขึ้นไปมีอัตราการรู้หนังสือสูงถึง 98.83% สูงสุดในอาเซียน และอยู่ในอันดับที่ 37 ของโลก ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงความพยายามในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ แต่เบื้องหลังสถิติอันน่าชื่นชมนี้ ยังคงมี "ช่องว่างแห่งโอกาส" ที่สำคัญและไม่อาจมองข้ามได้ เพราะในอีกด้านหนึ่งของประเทศ ยังคงมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากที่เติบโตท่ามกลางข้อจำกัด เผชิญกับความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ขาดแคลนหนังสือและสื่อการเรียนรู้ดีๆ ที่เหมาะกับวัย โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ห้องสมุดคือสิ่งหายาก และหนังสือใหม่คือของฟุ่มเฟือย
ในวาระครบรอบ 20 ปี สถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) จับมือกับ มูลนิธิกระจกเงา จุดประกายโครงการ “อ่านแล้ว อ่านอีก” ด้วยเป้าหมายใหญ่ — รับบริจาคหนังสือจำนวน 1 ล้านเล่มภายใน 200 วัน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 18 เมษายน 2568 เพื่อส่งต่อไปยังห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ และศูนย์เด็กเล็กกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสำคัญนี้ เพื่อส่งต่อหนังสือดีๆ ที่เคยอยู่บนชั้นหนังสือของเรา ไปสู่มือของเด็ก ๆ ที่ยังรอคอยโอกาสทางการเรียนรู้
“หนังสือดีหนึ่งเล่ม อาจเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งได้ทั้งชีวิต” นายวัฒนชัย วินิจจะกูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ TK Park กล่าว พร้อมเล่าถึงเจตนารมณ์ของโครงการ “อ่านแล้ว อ่านอีก” ว่าไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการรับบริจาคจำนวนมากเท่านั้น แต่คือการ ส่งมอบอย่างมีความหมาย — ทุกเล่มต้องไปถึง “ผู้ที่ต้องการอย่างแท้จริง” โดยเปิดโอกาสให้ห้องสมุดและศูนย์การเรียนรู้จากทั่วประเทศแจ้งความต้องการเฉพาะด้านเนื้อหาและประเภทหนังสือได้ล่วงหน้า ก่อนที่ทีมงานจะทำการคัดแยก จัดหมวดหมู่ และคัดเลือกหนังสือที่ตรงตามความต้องการที่สุด เพื่อส่งต่อไปยังจุดหมายอย่างเหมาะสม
๐ จากห้องสมุดเก่า สู่ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้
โรงเรียนบ้านห้วยขะยุง (คุรุพานิชวิทยาคาร ) หนึ่งใน 2,000 จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาขนาดกลางในอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานีที่ได้เข้าร่วมโครงการอ่านแล้ว อ่านอีก และแจ้งความต้องการขอรับหนังสือนิทานสำหรับเด็กอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 หนังสือความรู้เสริมทักษะที่สอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ และหนังสือที่สามารถนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนในห้องเรียน เพื่อฝึกทักษะการอ่านและส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน โดยได้รับมอบหนังสือใหม่จากโครงการรวมทั้งสิ้น 1,000 เล่ม
อาจารย์ปิยลักษณ์ โลหะสาร อาจารย์ประจำโรงเรียน เล่าย้อนความหลังว่า “แต่เดิมห้องสมุดของเรามีแต่หนังสือเก่าๆ ไม่เหมาะสมกับเด็กนักเรียน ทางโรงเรียนก็ยังไม่มีงบประมาณสำหรับจัดซื้อหนังสือใหม่ทำให้เด็กๆ ขาดแรงจูงใจในการเข้าห้องสมุด เราจึงเข้าร่วมโครงการ” หลังจากที่โรงเรียนได้รับหนังสือจากโครงการทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เด็ก ๆ เริ่มกลับมาเข้าห้องสมุดกันมากขึ้น ครูสามารถนำหนังสือไปใช้ประกอบการเรียนการสอนได้อย่างหลากหลาย โรงเรียนได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมการอ่านและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ หนังสือได้กลายเป็นเพื่อนใหม่ที่ทำให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเรียนรู้
“นอกจากจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ในชั้นเรียนแล้ว ยังช่วยให้เด็กๆ มีความตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่จะเข้าห้องสมุด มาเลือกอ่านหนังสือที่ตัวเองสนใจ และใช้เวลาอยู่กับหนังสือมากขึ้น เล่นเกมน้อยลงเพราะเด็ก ๆ ได้เจอหนังสือที่เขาอยากอ่านจริงๆ รู้สึกว่าโครงการ "อ่านแล้ว อ่านอีก" มีประโยชน์อย่างมาก เพราะช่วยสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ทุกระดับชั้น และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้อย่างได้ผล” อาจารย์ปิยลักษณ์ กล่าวปิดท้าย
๐ อ่านแล้ว อ่านอีก: ไม่ใช่แค่โครงการ แต่คือการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ถึงแม้ช่วงเวลารับบริจาคหนังสือในโครงการจะสิ้นสุดลง แต่ภารกิจของ TK Park ในการสร้าง “พื้นที่เรียนรู้เพื่อทุกคน” ยังดำเนินต่อไป เพราะจุดหมายของหนังสือแต่ละเล่ม ไม่ได้จบลงเมื่อถึงปลายทาง แต่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเด็กหลายพันคนทั่วประเทศ ที่อาจกลายเป็นผู้ให้ในอนาคตเช่นกัน “โครงการนี้สะท้อนภารกิจที่แท้จริงของ TK Park นั่นคือการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงความรู้ และร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม” นายวัฒนชัย วินิจจะกูล กล่าวทิ้งท้าย
๐ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อ
แม้วันนี้ โครงการอ่านแล้วฯ จะจบลงแล้วและหนังสือนับล้านเล่มกำลังทยอยออกเดินทางไปสู่ผู้รับ แต่ภารกิจในการส่งเสริมการอ่านและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องต่อไป และสำหรับใครที่ยังต้องการส่งมอบหนังสือให้อีกหลายคนได้อ่านอีกครั้ง สามารถบริจาคด้วยตนเองได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา (สำนักงานกรุงเทพฯ) ซอยวิภาวดี 62 หรือบริจาคผ่านทางไปรษณีย์ ส่งถึงมูลนิธิกระจกเงา ที่อยู่: เลขที่ 191 ซอยวิภาวดี62 (แยก4-7) ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร: 061 9091840
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าปลายทางของหนังสือล้านเล่มจะอยู่ที่ใด แต่ต้นทางของการเปลี่ยนแปลง เริ่มที่ “หัวใจแห่งการให้” ของพวกเราทุกคน