xs
xsm
sm
md
lg

ทีมจุฬาชนะเลิศ “รากแก้ว-Enactus” ผลงานช่วยชุมชนชิงแชมป์โลก ก.ย.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผศ.นพ. เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ประธานกรรมการมูลนิธิรากแก้ว  มอบถ้วยรางวัลชนะเลิศ โครงการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนEnactus Thailand 2025 แก่ทีมนิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
ทีมนิสิตจุฬาคว้าแชมป์ในความเป็นผู้นำเชิงผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประชันกับแชมป์จาก 35 ประเทศบนเวทีโลก

การแข่งขันชิงชนะเลิศผลงานโครงการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนของนิสิตนักศึกษาระดับประเทศปี 2568 ในงาน Rakkaew Enactus National Exposition จัดขึ้นทุกปีโดยมูลนิธิรากแก้ว ร่วมกับ Enactus ประเทศไทยและผู้สนับสนุนโครงการจากภาคเอกชนและองค์กรไม่แสวงหากำไร นับเป็นเวทีสำคัญในการสนับสนุนพลังเยาวชนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ ผ่านการลงมือทำโครงการจริงที่หลอมรวมความรู้หลายศาสตร์ ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และบริหารธุรกิจ เพื่อสร้างผลดีทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดผู้ประกอบการเพื่อสังคม ในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่มีทั้งความสามารถและจิตสำนึกเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้สังคม

งานปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6–7 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ โดยมีทีมจาก 21 สถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขัน นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยพลังของนวัตกรรมและความคิดแบบผู้ประกอบการเพื่อสังคม

ทั้งนี้มีนิสิตนักศึกษาเสนอโครงการที่ผ่านการดำเนินงานตามเกณฑ์ของมูลนิธิรากแก้ว เข้าร่วมนำเสนอ 21ทีม เมื่อผ่านการคัดเลือกอย่างเป็นขั้นตอนและเข้มข้นแล้ว ก็ได้ทีม 4 มหาวิทยาลัยเข้าสู่รอบสุดท้าย ประกอบด้วย

1) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เสนอโครงการเห็ดเยื่อไผ่เพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน โดยทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เห็ดเยื่อไผ่ให้เป็นเครื่องสำอางชั้นสูง เป็นครีมทาหน้าพอกหน้า ที่ผ่านการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยของอย.

2) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เสนอโครงการทอผืนผ้าสานไม้ไผ่ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของตลาด ช่วยให้ราคาจำหน่ายสูงขึ้น และกระบวนการผลิตสินค้าต่างๆยังสามารถรักษาสภาพแวดล้อม รวมทั้งรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

3) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เสนอโครงการจัดการขยะอาหาร ใช้ความรู้เรื่องหนอนแมลงวันลาย มาทำให้ขยะอาหารมีมูลค่า สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

4) จุฬาลงกรณ์มหวิทยาลัย เสนอโครงการเมล็ดโกโก้ GoGreen ซึ่งนำเมล็ดโกโก้ที่ขาดคุณภาพ ใช้นวัตกรรมการแปรรูปของเหลือทิ้งให้เป็นสารเสริมโกโก้ใช้เลี้ยงโคเนื้อที่มีคาร์บอนต่ำ ช่วยลดต้นทุนและลดการปล่อยก๊าซมีเทนมีนัยสำคัญเป็นการเพิ่มรายได้และดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วย

ในที่สุดทีมจากสำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ และทีมมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ได้รางวัลรองชนะเลิศ

หลังจากนี้มูลนิธิรากแก้วจะร่วมกับโครงการของทางจุฬาฯ จะเตรียมความพร้อมของทีม เข้าสู่การแข่งขันระดับโลก คือ Enactus World Cup ซึ่งมูลนิธิรากแก้วรับเป็นเจ้าภาพ จะจัดขึ้นในวันที่ 25-28 กันยายน 2568 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โดยจะมีมหาวิทยาลัยที่ชนะเลิศโครงการของแต่ละประเทศ เข้าร่วมแข่งขัน 35 ประเทศ คาดว่าจะมีนักศึกษามาร่วมงานมากกว่า 2,000 คน

คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมตัดสินการเสนอโครงการเพื่อสังคมของทีมที่เข้ารอบสุดท้าย 4 มหาวิทยาลัย
ผศ. นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ประธานกรรมการมูลนิธิรากแก้ว กล่าวว่า “การแข่งขันปีนี้น่าชื่นใจอย่างยิ่ง นิสิตนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัยนำเสนอโครงการที่มีคุณภาพและตั้งอยู่บนฐานความต้องการของชุมชนได้อย่างลึกซึ้งและมุ่งผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โดยใช้พลังเชิงธุรกิจและความเป็นผู้นำเชิงผู้ประกอบการ เราภูมิใจที่ได้เห็นทีมจากจุฬาฯ เป็นตัวแทนประเทศไทย เพื่อแสดงศักยภาพเยาวชนไทยในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริงในเวทีระดับโลก”

งานนี้สะท้อนให้เห็นว่า คนรุ่นใหม่ของไทย ไม่เพียงเก่งในเชิงวิชาการ แต่ยังมีจิตสาธารณะ มีความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างแท้จริง และจะเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพของประเทศไทยและของโลกต่อไป

มูลนิธิรากแก้วได้ก่อตั้งมาแล้ว 18 ปี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เยาวชนในวัยที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย ได้พัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อเป็นพลเมืองคุณภาพ ที่นอกจากจะมีความรู้ความสามารถและทักษะในด้านต่างๆแล้ว ให้มีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพทางด้านทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อ เพื่อเป็นคนดี มีคุณธรรม มีจิตสำนึกสาธารณะต่อไป

การส่งเสริมสนับสนุนให้นิสิตนักศึกษาดำเนินโครงการ มีหลักการสำคัญคือ ต้องเป็นโครงการที่มุ่งเป้าหมายการพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น ทั้งในมิติเศรษฐกิจปากท้อง สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยทีมแต่ละมหาวิทยาลัยต้องทำงานร่วมกัน3คณะวิชาขึ้นไป เพื่อให้มีการใช้ความรู้ทางวิชาการร่วมกันทำงาน ตลอดจนคิดนวัตกรรมด้านต่างๆโดยเฉพาะทางด้านสังคม ที่จะเข้าไปทำงานร่วมกับชุมชน

โดยใช้ความต้องการหรือปัญหาของชุมชนเป็นหลัก ไม่ใช้ความต้องการของมหาวิทยาลัยหรือนิสิตนักศึกษาเป็นตัวหลัก จึงต้องรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์ และใช้หลักวิชาการมาสร้างนวัตกรรมทางสังคมในการแก้ปัญหา หรือเพิ่มศักยภาพของชุมชน โดยมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนว่าโครงการทีทำจะเกิดผลผลิต(Output) ผลลัพธ์(Outcome) และผลกระทบ(Impact)ต่อเกี่ยวข้องในชุมชนอย่างไร เมื่อนำไปเปรียบเทียบก่อนดำเนินโครงการ อีกทั้งต้องมีแนวทางที่ทำให้ชุมชนมีความยั่งยืน หลังจากที่กลุ่มนิสิตนักศึกษาถอนตัวออกมาจากชุมชนนั้นแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น