ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็กซีเอดี เซ็นเตอร์ (CAD CENTER) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดเด็กออทิสติก เน้นการดูแลโดยทีมสหวิชาชีพอย่างเข้มข้น ยืนยันทำงานร่วมกับจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยได้ตรงจุด ย้ำควรได้รับการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อยและมีความต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกของเด็ก
นางสาวประภานิช ประภานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็กซีเอดี เซ็นเตอร์ (CAD CENTER) Center for Autism Development ในฐานะนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ได้รับการรับรอง (Board Certified Behavior Analyst: BCBA) จากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา CAD CENTER ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโปรแกรมการบำบัดเด็กออทิสติก เพื่อให้แผนการบำบัดมีประสิทธิภาพและเด็กได้รับประโยชน์สูงสุด โดยครูที่มีความรู้ด้านจิตวิทยาทำงานร่วมกับจิตแพทย์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็กเนื่องจากทำให้การบำบัดเร็วขึ้นและเข้มข้น (Early and Intensive Intervention) โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มรับการบำบัดตั้งแต่อายุยังน้อยมีแนวโน้มพัฒนาได้ดีกว่าเด็กที่เริ่มช้าและได้รับการบำบัดด้วยจำนวนชั่วโมงที่ไม่ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ความร่วมมือกันของทีมสหวิชาชีพที่มีทั้งนักวิเคราะห์พฤติกรรม BCBA, จิตแพทย์, นักกิจกรรมบำบัด และนักแก้ไขการพูด มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างโปรแกรมการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ และสามารถติดตามผลความก้าวหน้าของพัฒนาการเด็กได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ต้องให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นและปรับเป้าหมายตามพัฒนาการ เพราะโปรแกรมที่มีการปรับตามความสามารถและจุดแข็งของเด็กอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เด็กก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี และหากครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมและได้รับการฝึกฝนเพื่อมีส่วนร่วมในแผนบำบัดที่บ้านจะสามารถส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกได้ดียิ่งขึ้น
“เด็กกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องพบแพทย์ โดยเฉพาะในช่วงวินิจฉัยเริ่มต้นหรือเมื่อมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ความวิตกกังวลหรือพฤติกรรมรุนแรง ความถี่ในการพบแพทย์จริงๆ ควรขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน เพราะหากอยู่ระหว่างการปรับยาอาจต้องพบทุก 2-4 สัปดาห์ แต่ถ้าอาการคงที่ดีแล้วการพบแพทย์ทุก 3-6 เดือนก็เพียงพอ”
นางสาวประภานิชกล่าวและเปิดเผยเพิ่มว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่า แผนการบำบัดพฤติกรรมสอดคล้องกับการดูแลด้านจิตเวชและพัฒนาการโดยรวมของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่เด็กอยู่ระหว่างการปรับยา ข้อมูลเกี่ยวกับความถี่และลักษณะของพฤติกรรมจากทีมนักวิเคราะห์พฤติกรรมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจปรับขนาดยาให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็ก
อย่างไรก็ตาม การมีจิตแพทย์อยู่ในทีมทำให้สามารถปรับแผนการบำบัดให้สอดคล้องกันได้ เช่น หากเด็กต้องใช้ยาเพื่อช่วยเรื่องการควบคุมอารมณ์หรือพฤติกรรมบางอย่าง ทีมนักวิเคราะห์พฤติกรรมจะช่วยติดตามผลได้อย่างใกล้ชิดและแจ้งข้อมูลไปยังแพทย์เพื่อช่วยในการปรับโดสยาได้แม่นยำการทำงานในลักษณะนี้จะทำให้ผู้ปกครองรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานที่รักษาเด็กเพราะการบำบัดดูแลโดยทีมเดียวกัน ที่สำคัญเป็นการทำงานที่ช่วยให้มีข้อมูลของเด็ก ๆ ในเชิงลึก
ทั้งเรื่องพัฒนาการพฤติกรรมและสุขภาพจิต ทำให้ได้รับการดูแลที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และเหมาะกับตัวเด็กแต่ละคน