การพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์กำลังผลักให้โลกเผชิญกับปัญหาทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเสื่อมโทรมเชิงนิเวศ และความเหลื่อมล้ำทางสังคม
โลกกำลังเผชิญกับการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพในทุกตัวชี้วัดคิดเป็น 2-6% ในทุก ๆ 10 ปี ตลอดห้วงเวลา 30-50 ปีที่ผ่านมา ที่ซึ่งประชากรกว่าครึ่งโลกได้รับผลกระทบ โดยตัวเลขการพึ่งพาธรรมชาติและบริการจากระบบนิเวศ ในปี ค.ศ. 2023 มีมูลค่าสูงถึง 58 ล้านล้านเหรียญ หรือมากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่าจีดีพีโลก หากมนุษย์ยังเพิกเฉยหรือชะลอการหยุดยั้งความสูญเสียในความหลากหลายทางชีวภาพ มูลค่าความสูญเสียในระยะ 10 ปี จะสูงเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ใช้ในการดำเนินการทันที
ในทางตรงข้าม หากภาคธุรกิจมีการพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจที่เป็นผลบวกต่อธรรมชาติ จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจคิดเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านเหรียญ และเกิดการสร้างงานราว 395 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ภายในปี ค.ศ. 2030 (IPBES Transformative Change Assessment, 2024)
ในแง่ของความเหลื่อมล้ำทางสังคม จากฐานข้อมูลความเหลื่อมล้ำโลก (WID) ในปี ค.ศ. 2023 ระบุว่า รายรับของผู้มีรายได้สูงสุดในกลุ่ม 10% ของประชากรโลก กินสัดส่วนถึง 53.5% ของค่าตอบแทนรวมโลก ขณะที่รายรับของผู้มีรายได้ในกลุ่ม 50% ล่างสุด มีสัดส่วนอยู่เพียง 8% ของค่าตอบแทนรวมโลก
จะเห็นว่า ทั้งประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพ และประเด็นความเหลื่อมล้ำ ได้กลายเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ส่งสัญญาณมายังภาคธุรกิจให้มีมาตรการที่ต้องดำเนินการทันที ในฐานะนิติพลโลก (Global Corporate Citizen) ซึ่งมีส่วนที่สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทั้งในทางบวกและทางลบ ในการที่จะต้องร่วมกันรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิค่าเฉลี่ยโลกให้ต่ำกว่า 1.5 °C เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการหยุดยั้งและฟื้นคืนความสูญเสียทางธรรมชาติ ปรับวิถีการดำเนินธุรกิจให้มีความสอดคล้องปรองดองกับธรรมชาติ ตลอดจนการเจือจุนสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเคารพสิทธิมนุษยชน สวัสดิภาพ ความหลากหลาย ความเป็นธรรม การมีส่วนร่วมและมีความเป็นเจ้าของ
หนึ่งในมาตรการสำหรับดำเนินการทันทีของภาคธุรกิจ ได้แก่ การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนทั้งสามประเด็นข้างต้น ซึ่งเป็นที่มาของความริเริ่มในการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (TCFD) คณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับธรรมชาติ (TNFD) และคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสังคมและความเหลื่อมล้ำ (TISFD)
คณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) ได้พัฒนากรอบการรายงานความยั่งยืนเฉพาะกิจเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเผยแพร่ในปี ค.ศ. 2017 เพื่อให้ข้อเสนอแนะการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกบรรจุเป็นมาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ฉบับที่ 2 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (IFRS S2) ภายใต้มาตรฐาน IFRS (International Financial Reporting Standards) ที่จะมีการทยอยบังคับใช้โดยหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศตามความเหมาะสมและความพร้อมที่แตกต่างกัน
คณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับธรรมชาติ (Task Force on Nature-related Financial Disclosures: TNFD) ได้พัฒนากรอบการรายงานความยั่งยืนเฉพาะกิจเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ เผยแพร่ในปี ค.ศ. 2023 เพื่อให้ข้อเสนอแนะการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สอดรับกับกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework: KM-GBF) ซึ่งได้ถูกรับรองในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 (CBD COP 15) เพื่อใช้เป็นกรอบให้ประเทศภาคีจำนวน 196 ประเทศ นำไปจัดทำเป้าหมายชาติ และแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ
คณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสังคมและความเหลื่อมล้ำ (Taskforce on Inequality and Social-related Financial Disclosures: TISFD) ได้พัฒนากรอบการรายงานความยั่งยืนเฉพาะกิจเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสังคมและความเหลื่อมล้ำ โดยจะมีการออกกรอบการเปิดเผยข้อมูลฉบับแรกในปี ค.ศ. 2026
สถาบันไทยพัฒน์ ได้จัดทำหนังสือกรอบการรายงานความยั่งยืนเฉพาะกิจ: ตระกูล TxFD ความหนา 38 หน้า ขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลให้องค์กรธุรกิจได้รู้เท่าทันความเคลื่อนไหวในบริบทของการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวกับความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
องค์กรธุรกิจและผู้ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดหนังสือฉบับดังกล่าว (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ได้ทางเว็บไซต์ https://thaipat.org ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
บทความโดย ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์