xs
xsm
sm
md
lg

ใช้ ISSB มาตรฐานเดียว ไม่พอตอบโจทย์ความยั่งยืน / ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ความจำกัดของข้อมูลทางการเงินที่กิจการเปิดเผยในรายงานทางการเงิน (Financial Statement) ที่ไม่สามารถให้ภาพที่สมบูรณ์เพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน เนื่องเพราะเป็นข้อมูลที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานในอดีต เป็นเหตุให้หน่วยงานผู้จัดทำมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการรายงานทางการเงิน (IFRS) โดยคณะกรรมการมาตรฐานความยั่งยืนระหว่างประเทศ (ISSB) จำเป็นต้องออกมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน (Sustainability-related Financial Disclosure) เพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ข้อมูลให้ทันกับสถานการณ์และปัจจัยการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป

โดยมาตรฐานฉบับที่ ISSB ประกาศใช้แล้ว ประกอบด้วย มาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ฉบับที่ 1 เรื่อง ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน (IFRS S1) และฉบับที่ 2 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (IFRS S2)

มาตรฐาน IFRS S1 มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้กิจการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนที่มีนัยสำคัญ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รายงานทางการเงินเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปเมื่อผู้ใช้งบการเงินประเมินมูลค่าของกิจการ และตัดสินใจว่าจะจัดหาทรัพยากรให้กิจการหรือไม่ ทั้งนี้ กิจการที่เสนอรายงานต้องเปิดเผยข้อมูลที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนที่มีนัยสำคัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยในการประเมินความมีสาระสำคัญของรายการต้องประเมินในบริบทความจำเป็นของผู้ใช้รายงานทางการเงินเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปในการประเมินมูลค่าของกิจการ

มาตรฐาน IFRS S2 มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้กิจการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำคัญ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รายงานทางการเงินเพื่อให้เข้าใจวิธีที่กิจการใช้ทรัพยากรและปัจจัยต่าง ๆ กิจกรรม ผลได้ และผลลัพธ์ที่สนับสนุนการตอบสนอง และกลยุทธ์เพื่อจัดการโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำคัญ รวมทั้งเพื่อใช้ประเมินความสามารถของกิจการในการปรับแผนโมเดลธุรกิจ และการดำเนินงานตามความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำคัญ

และเพื่อช่วยให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน IFRS ได้ออกเอกสารชี้แนะด้านความเสี่ยงและโอกาสเกี่ยวกับความยั่งยืน และการเปิดเผยข้อมูลสาระสำคัญ ที่มีชื่อว่า Sustainability-related risks and opportunities and the disclosure of material information สำหรับให้บริษัทใช้พิจารณาข้อเชื่อมโยงระหว่างรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน กับรายงานทางการเงินของบริษัท เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว

ส่วนบริษัทที่ต้องการเปิดเผยข้อมูลสำหรับผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง ในเอกสารได้ให้ข้อพิจารณาในการใช้มาตรฐาน ISSB ควบคู่กับมาตรฐาน ESRS หรือมาตรฐาน GRI เพิ่มเติม

ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังอยู่ระหว่างจัดทำหลักการแนวทางการยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตาม ISSB (International Sustainability Standards Board) หรือ ISSB Roadmap โดยมีแนวคิดที่จะกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตาม IFRS S1 และ S2 ด้วยวิธีการนำไปใช้เป็นลำดับและสัดส่วน (Phased-in Approach) พร้อมมาตรการผ่อนปรนช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน (Transition Reliefs) เพื่อให้สอดรับกับบริบทของประเทศไทย รวมถึงความพร้อมของภาคเอกชน โดยคาดว่าจะเริ่มใช้บังคับในรอบปีบัญชี 2569 เป็นต้นไป (เริ่มจากบริษัทในกลุ่ม SET50 ก่อน) ทั้งนี้ บริษัทที่มีความพร้อม สามารถดำเนินการ แบบ Voluntary Early Adoption ได้ก่อนปีที่มีการใช้บังคับ

ในการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ ISSB Roadmap เพื่อนำข้อคิดเห็นต่าง ๆ ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ เมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา หน่วยงาน UN PRI ซึ่งเกิดจากโครงการภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติ ที่ให้คำแนะนำเรื่องการนำหลักการลงทุนที่รับผิดชอบมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน และมีภาคีผู้ร่วมลงนามกว่า 5,200 รายทั่วโลก ได้ให้ความเห็นต่อแนวทางการยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของไทย ตามมาตรฐาน IFRS S1 และ IFRS S2 ที่สำนักงาน ก.ล.ต. จัดทำขึ้น โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า ความต้องการข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืนต่อการประเมินความเสี่ยงและโอกาสของบริษัทเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ลงทุนโดยรวม แต่ผู้ลงทุนอีกส่วนหนึ่งยังต้องการข้อมูลสำหรับใช้ประเมินผลกระทบของบริษัทและความเชื่อมโยงที่สอดคล้องกับเป้าประสงค์และขีดระดับด้านความยั่งยืน

แม้มาตรฐาน ISSB ได้เอื้อให้เกิดการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ในบางส่วน แต่ยังจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดการเปิดเผยข้อมูลด้านผลกระทบ (Impacts) และการพึ่งพา (Dependencies) ของบริษัท ดังนั้น เพื่อให้สอดรับกับแนวทาง “Building Blocks” ของ ISSB สำนักงาน ก.ล.ต. ควรคำนึงถึงการขยายกรอบการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมไปถึงผลกระทบและการพึ่งพาของบริษัท ตามที่ควรจะเป็น ด้วยมาตรฐาน GRI คล้ายกับแนวทางที่กำหนดโดยคณะกรรมาธิการยุโรป และกระทรวงการคลังจีน (อ้างอิง: https://www.unpri.org/consultations-and-letters/pri-response-to-thailand-sec-consultation-on-the-issb-roadmap/12969.article)

ISSB Building Block Approach
จะเห็นว่า ISSB Building Block เริ่มต้นจากการรายงานทางการเงินส่วนที่เป็นงบการเงิน (ตามมาตรฐาน IASB) ซึ่งเน้นสำหรับผู้ใช้รายงานที่เป็นผู้ลงทุน และเพิ่มเติมด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน (ตามมาตรฐาน ISSB) ซึ่งยังคงเน้นสำหรับผู้ใช้รายงานที่เป็นผู้ลงทุน โดยหากกิจการต้องการรายงานข้อมูลความยั่งยืนส่วนที่เป็นผลกระทบ (ทั้งทางบวกและทางลบ) จากการดำเนินงานที่มีต่อผู้คน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ซึ่งเน้นสำหรับผู้ใช้รายงานที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง ควรใช้ข้อบังคับที่กำหนดโดยรัฐ (อาทิ มาตรฐาน ESRS) และ/หรือมาตรฐาน GRI

ด้วยการเปิดเผยข้อมูลในรายงานทางการเงินให้แก่ผู้ลงทุนเป็นพื้นฐาน และเพิ่มเติมมาสู่การเตรียมเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืนตามมาตรฐาน IFRS S1 และ IFRS S2 เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ลงทุนในยุคปัจจุบัน กิจการที่ต้องการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียซึ่งมิได้สนใจเฉพาะข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน ยังคงมีการจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน GRI เพื่อให้ข้อมูลที่เปิดเผยครอบคลุมถึงการพึ่งพาและผลกระทบสู่โลกภายนอกตามอุปสงค์ของผู้ใช้ข้อมูลกลุ่มดังกล่าว

บทความโดย ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์


กำลังโหลดความคิดเห็น