xs
xsm
sm
md
lg

พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พลังงานธรรมชาติเป็นของขวัญที่โลกมอบให้เราใช้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนพัฒนา สร้างการเติบโตและเจริญรุ่งเรืองมานานนับร้อยปี แต่สิ่งที่เป็นกำลังสำคัญซึ่งสร้างอารยธรรมกลับทิ้งร่องรอยผลกระทบอันเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ไว้มากมาย การหันมาใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติวันนี้จึงไม่ใช่แค่การหาทางเลือกใหม่เพื่อดำรงอยู่เท่านั้น แต่เป็นเสมือนพันธสัญญาที่เราต่างให้คำมั่นว่าจะร่วมกันฟื้นฟูโลกให้กลับมาสวยงามและยั่งยืนอีกครั้ง


ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยออกมาตรการต่างๆ มากมาย อาทิ มาตรการลดผลกระทบด้านภูมิอากาศ เช่น การกำหนดภาษีคาร์บอน การออกมาตรการเพื่อเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอย่างเป็นธรรมและสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานสะอาดได้อย่างเท่าเทียม และมาตรการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานขององค์กร ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และการกำกับดูแล (Governance) เพื่อให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรับรู้ผลกระทบต่างๆ ที่องค์กรได้สร้างขึ้น

ไทยเองก็ให้ความสำคัญกับการใช้แหล่งพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ที่เข้าถึงง่ายที่สุด สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในครัวเรือนไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรพบว่า พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนหลักเนื่องจากราคาแผงโซลาร์ที่ลดลงอย่างมาก โดยคาดว่าสัดส่วนต่อกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นจาก 27.9% ในปี 2567 เป็น 35.4% ในปี 2573


โรงงานเฟื่องฟูอนันต์ จ.ปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในโรงงานสุรารวงข้าวที่ศึกษาหาแนวทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ปัจจุบันโรงงานใช้พลังงานไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาใช้ในกระบวนการผลิตสุรา ซึ่งการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมากส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสูง และเพิ่มการปล่อย GHG Emission หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่นตามมา เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง หรือการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

ปี 2565 โรงงานเฟื่องฟูอนันต์ จึงได้ริเริ่มโครงการติดตั้ง Solar Rooftop มีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการใช้พลังงานในโรงงานให้เป็นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยในปี 2567 สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 379,832 kWh หรือลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ถึง 271,560 บาท ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 166 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า


ทั้งนี้ โรงงานเฟื่องฟูอนันต์ ได้ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งในส่วนของพื้นที่การผลิต อุปกรณ์การผลิต ปั๊มน้ำ ขนาดของระบบ Solar Cell การออกแบบโครงสร้าง ตลอดจนคู่ค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์ จัดส่ง และติดตั้งอุปกรณ์ ตลอดจนสภาพแวดล้อมโดยรอบ ไปจนถึงการฝึกอบรมการใช้งานและการบำรุงรักษาให้กับพนักงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าในทุกกระบวนการจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อทุกภาคส่วน

นอกจากนี้โรงงานสุรารวงข้าวทั้ง 13 โรงงาน ปรับเปลี่ยนมาติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อประหยัดพลังงาน โดยในปี 2567 แผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 6,417,421 kWh ลดการซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 2,811 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เพราะสิ่งสำคัญของโครงการนี้ไม่ได้หวังแค่การลดต้นทุน แต่ยังมุ่งสร้างความยั่งยืนที่แท้จริงด้วยการใส่ใจให้ความสำคัญในทุกกระบวนการก่อนเริ่มติดตั้ง เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม และโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง




กำลังโหลดความคิดเห็น