เนสท์เล่ เปลี่ยนก้าวเดินพนักงาน เป็นวีลแชร์ให้ผู้พิการ เพื่อก้าวที่ยั่งยืน

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมสุขภาพพนักงานด้วยกิจกรรมสะสมก้าวเดินเพื่อเปลี่ยนพลังกายเป็นพลังใจสู่สังคม กิจกรรม “Walk More, Give More” เป็นกิจกรรมภายในองค์กรที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 มีพนักงานเข้าร่วมกว่า 1,600 คนตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ของกิจกรรม เพื่อเป้าหมายส่งมอบวีลแชร์หรือรถเข็นนั่งสำหรับผู้พิการ โดยทุก 10 ล้านก้าวเดิน-วิ่งของพนักงานเนสท์เล่ได้เปลี่ยนเป็นวีลแชร์ 1 คัน ในปีนี้พนักงานได้ร่วมกันพิชิตเป้าหมายกว่า 500 ล้านก้าวได้สำเร็จ นับเป็นวีลแชร์จำนวน 50 คัน มอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อก้าวที่มั่นคงสู่คนที่ต้องการ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีและสร้างชุมชนไทยให้เข้มแข็ง


นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “เนสท์เล่ ในฐานะบริษัทที่ยึดมั่นในอาหารที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี หรือ Good food, Good life เล็งเห็นความสำคัญของการส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้สังคมเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทย ทั้งในด้าน Good for You หรือการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค และ Good for the Planet หรือการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา กิจกรรม Walk More, Give More ในครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การบริจาคผลิตภัณฑ์เพื่อบรรเทาทุกข์ในสถานการณ์น้ำท่วม การร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการบริจาคอาหาร และการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ชุมชนทั่วไทย เช่นการมอบวีลแชร์ในวันนี้”

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า “ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต้องขอขอบคุณคณะผู้บริหารบริษัทเนสท์เล่ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนส่งเสริมคุณภาพชีวิต และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้มอบรถเข็นคนพิการจำนวน 50 คัน ให้แก่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อส่งต่อให้กับคนพิการและผู้สูงอายุที่มีปัญหาทางการเคลื่อนไหว กลุ่มเปราะบางได้ใช้ประโยชน์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีตามเจตนารมณ์ อาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่ารถเข็นคนพิการจำนวน 50 คัน ที่ได้ให้การบริจาคในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง กระทรวงจะจัดส่งสิ่งของดังกล่าวให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคต่อไป”