xs
xsm
sm
md
lg

TEI ผนึก ยูนิลีเวอร์-แม็คโคร-โลตัส เดินหน้าสังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านอาชีพซาเล้ง-ร้านรับซื้อของเก่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ยูนิลีเวอร์ ซีพี แอ็กซ์ตร้า “แม็คโคร-โลตัส” ส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสนับสนุนโครงการ Smart Recycle Hub ภายใต้ PPP Plastics เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะ

โดยเริ่มจากการจัดหาอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยในการเก็บและคัดแยกขยะ รวมถึงจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับขยะพลาสติกเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้เสริม เปิดประตูเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการนำพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เริ่มนำร่องโครงการในกรุงเทพฯ และกลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจ EEC ภาคตะวันออกก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ

ความร่วมมือในครั้งนี้ยังครอบคลุมการจัดแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างรอบด้านทั้งคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม


ดร. วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) และเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า “สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ เพื่อการกำหนดระดับเชิงนโยบายให้ชัดเจนสู่การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม โดยการยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยปัญหาขยะได้กลายมาเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกในปัจจุบัน

หากไม่มีระบบและโครงสร้างการจัดการขยะที่เหมาะสมและเพียงพอก็จะทำให้มีขยะหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมปลายทางที่ทะเล โดยแนวทางที่นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การจัดการขยะตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยการลดขยะต้นทางและนำของเสียปลายทางมาใช้ประโยชน์อีก แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมจำเป็นต้องมีการจัดการและเเยกขยะอย่างถูกวิธีและเหมาะสม โดยกลไกสำคัญที่ช่วยให้มีการเก็บวัสดุใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบ คือ การรับและเก็บวัสดุรีไซเคิลโดยซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระบบรวบรวมวัสดุรีไซเคิลและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับและเพิ่มศักยภาพการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล

สถาบันฯ ได้รับความสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานโครงการยกระดับมาตรฐานซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า โดยมีจุดมุ่งหมายในการจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลให้เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงแบบครบวงจร เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกให้ได้จำนวน 50,000 ตันต่อปีภายในปี พ.ศ. 2569 และรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น ในประเทศไทยก่อให้เกิดขยะชุมชนกว่า 27-28 ล้านตันต่อปี

การบริหารจัดการขยะจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การสร้างธุรกิจใหม่จากระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สำคัญ เราเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนจากยูนิลีเวอร์ แม็คโคร และโลตัส จะช่วยให้เครือข่ายซาเล้งและผู้รับซื้อขยะกว่า 300 คนภายใต้โครงการฯ ได้มีอุปกรณ์เก็บและคัดแยกขยะที่เหมาะสม ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรมต่าง ๆ ไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน”


ยูนิลีเวอร์ มุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกด้านของการดำเนินงาน

นายอภิชาติ ศาลิคุปต รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคนในห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ภายในแผนกการพัฒนาธุรกิจลูกค้า เรามุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของเรา พร้อมทั้งบูรณาการความยั่งยืนในทุกด้านของการดำเนินงาน เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภค นำมาสู่ความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัสในการเปิดตัวแคมเปญที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นในทุกการใช้จ่าย โดยริเริ่มการช่วยเหลือกลุ่มซาเล้งและผู้รับซื้อขยะที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในแต่ละวันจากการขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อสุขอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดแยกและจัดการขยะให้ตรงกับความต้องการของโรงงานรีไซเคิล ผ่านโครงการ Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics ตอกย้ำเจตนารมย์ของยูนิลีเวอร์ที่ต้องการทำให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นไปได้สำหรับทุกคน”

นางสาวโชติมา ลาภเวโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานการพาณิชย์สินค้าทั่วไปในครัวเรือน บริษัท บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือการผลักดันระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งลดการทิ้งขยะสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งความร่วมมือกับยูนิลีเวอร์ครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในการดำเนินงาน ทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าของทั้งแม็คโคร-โลตัส ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมในการลดขยะพลาสติกและการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะ ผ่านสาขากว่า 2,400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าการที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนเก็บขยะและผู้รับซื้อขยะ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน”

แคมเปญ ‘ยูนิลีเวอร์รวมพลัง ยกกำลัง2’ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค

ในโอกาสเดียวกันนี้ ยูนิลีเวอร์ จัดแคมเปญ ‘ยูนิลีเวอร์รวมพลัง ยกกำลัง2’ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่แม็คโครและโลตัสทุกๆ ใบเสร็จเท่ากับได้ร่วมบริจาคสมทบทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมรับของสมนาคุณรักษ์โลก ได้แก่

เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่โลตัส ต่อที่หนึ่งครบ 599 บาท รับฟรีกระติกน้ำรักษ์โลก ต่อที่สองครบ 999 บาท รับฟรีกระเป๋าผ้ารักษ์โลก ลาย Wednesday จาก Newyear ศิลปินลายเส้นสุดฮอต (ของแถมมีจำนวนจำกัด)

เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่แม็คโครครบ 4,999 บาท รับฟรีบรีส เอกเซล ขนาด 130 มิลลิลิตร จำนวนหนึ่งลัง มูลค่า 720 บาท ระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม – 3 กันยายน พ.ศ. 2567 หรือรับฟรี ซันซิล ไดมอนด์ ไชน์ แชมพู จำนวน 6 แพ็ค มูลค่า 720 บาท ระหว่างวันที่ 4 กันยายน – 17 กันยายน พ.ศ. 2567

“ขอเชิญชวนผู้บริโภคร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตรวมทั้งช่วยเหลือคนเก็บขยะและผู้รับซื้อขยะผ่านสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เพียงซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่แม็คโครและโลตัสทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม – 17 กันยายน พ.ศ. 2567” นายอภิชาติ กล่าวเสริม