คามุ คามุ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Duo Dolce เมนูละมุน x2 เครื่องดื่มพร้อม“บลามันเจ พุดดิ้ง” ท็อปปิ้งพิเศษประจำซีซั่น สูตร Vegan 100% ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสุขภาพ เดินหน้าผุดแคมเปญ “It’s never too late…”ชวนชานมเลิฟเวอร์ปรับสมดุลการบริโภค อร่อยไม่เครียด
ทินกฤต สินทัตตโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คามุ คามุ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปี เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงใจอย่างแท้จริง ซึ่งในปีที่ผ่านมา พบว่าลูกค้ามีความพยายามที่จะยืดหยุ่นและสร้างสมดุลให้กับการบริโภค เห็นได้จากสถิติที่ลูกค้าสั่งความหวาน 25% และหวาน 75% มีเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% แสดงให้เห็นว่า มีลูกค้าบางกลุ่มพยายามปรับพฤติกรรมทีละน้อย เพื่อดูแลสุขภาพและรักษาสมดุลการบริโภค ในขณะที่ลูกค้าที่ชอบ “หวานน้อย” และ “หวานร้อย” มีสัดส่วนเท่ากัน คือ 50:50 บริษัทจึงคิดสูตรรองรับการสั่งความหวานที่เป็นสูตรเฉพาะของแต่ละเมนู โดยยังคงความอร่อยและดีต่อสุขภาพ รวมถึงการเพิ่มนมจากพืชและเครื่องดื่มไร้กาแฟอีน เป็นทางเลือก
ในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงต่อยอดเทรนด์สุขภาพสำหรับชานมเลิฟเวอร์ โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด เครื่องดื่ม “Duo Dolce เมนูละมุน x2” เครื่องดื่มพร้อม “บลามันเจ พุดดิ้ง” (Blancmange Pudding) ท็อปปิ้งประจำซีซั่น สูตร Vegan 100% ที่มีความเนียนนุ่ม แต่ปราศจากนมสดและครีม ตามสูตรต้นตำรับจากฝรั่งเศส ได้แก่ พรีเมี่ยม มัทฉะ ซอย ดริ๊งก์ (Premium Matcha Soy Drink), ชาฟัก กรีนที เลมอนเนด (Winter Melon Green Tea Lemonade),ชาฟัก เลมอนเนด (Winter Melon Lemonade), ESPRESSO Soy Drink และ Super Soy Parfait Dessert เพื่อตอบรับความต้องการการบริโภค Non-Diary Product ที่เพิ่มขึ้น
รณิดา สินทัตตโสภณ กรรมการบริหาร บริษัท คามุ คามุ จำกัด กล่าวว่า “ปี 2567 เทรนด์การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มแบบยั่งยืนกำลังเติบโต ผู้บริโภคเริ่มมองหาเครื่องดื่มจากพืชเป็นทางเลือกแทนนมวัว นมปราศจากสัตว์ เนื่องจากใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่าการผลิตนมวัว อีกทั้งยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าผลิตภัณฑ์นมทั่วไปถึงร้อยละ 96 เครื่องดื่มลดน้ำตาล และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพลำไส้ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาสูตรเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เครื่องดื่มสูตรเจและวีแกน 100% ที่สร้างสรรค์จากพืชให้รสชาติอร่อย เข้มข้น อาทิ นมถั่วเหลือง ชาฟัก เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้รักสุขภาพ
นอกจากนี้ เพื่อเชิญชวนผู้บริโภคร่วมปรับพฤติกรรมการบริโภคให้สมดุลขึ้น แต่ไม่ตึงเครียดจนเกินไปก่อนจะเข้าช่วงเทศกาลเจประจำปี 2567 ที่กำลังจะมาถึงในต้นเดือนตุลาคมนี้ ได้จัดแคมเปญ “It’s never too late…” โดยเริ่มจากการลองลดนมวัวเป็นบางวัน (Flexitarian) ซึ่งเป็นเทรนด์ใหญ่ในกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วโลก ด้วยการหันมาบริโภคนมทางเลือกหรือการลดน้ำตาล ลดหวาน และเพิ่มการบริโภคขนม ของว่างที่อิ่มนานขึ้นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพกาย-ใจให้มากขึ้น แบบไม่ตึงเครียดจนเกินไป ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมให้มีรสชาติกลมกล่อม แปลกใหม่ รับประทานง่าย ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับสุขภาพและการดูแลโลกของเราอย่างต่อเนื่อง