เมื่อเร็วๆ นี้ ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการทั่วโลกในปี 2566 ว่ามีอัตราการเติบโตสููงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปีที่ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยยอดขายรวมมูลค่า 4.118 หมื่นล้านยูโร หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท และยังคงรักษาตำแหน่งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจความงามอันดับ 1 ของโลก พร้อมระบุถึงภาพรวมตลาดความงามโลกในปี 2567 นี้ว่ายังคงคึกคักและส่งสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่อง
เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีความสนใจในความงามที่แตกต่างหลากหลาย พร้อมทั้งการขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย จึงดำเนินกลยุทธ์ One L’Oréal ซึ่งหนึ่งในแนวทางคือ #1 Beauty Company ด้วยการสร้างแบรนด์ให้ครองใจผู้บริโภค ชูความเชี่ยวชาญด้านงานวิจัย และดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์ ความต้องการที่หลากหลาย สร้างโอกาสในการเติบโตเชิงกลยุทธ์ด้วยพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์ที่ครอบคลุม
เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์ One L’Oréal โดยเฉพาะด้านความเชี่ยวชาญผิว (skincare expert) จากความทุ่มเทงานวิจัยและนวัตกรรม บริษัทได้จัดงานเปิดตัวเมลาซิล (Melasyl) โมเลกุลที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับปัญหาเม็ดสีผิวเฉพาะจุด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดจุดด่างดำและรอยสิว ลอรีอัลนำส่วนผสมที่เป็นกรรมสิทธิ์มาพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ซึ่งครอบคลุมทุกโทนสีผิว เพื่อจัดการกับปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอและช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น นอกจากนี้ เมลาซิลยังผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด และนำไปศึกษาทางวิทยาศาสตร์มาแล้วถึง 121 ครั้ง
เมลาซิลเป็นผลงานจากการวิจัยอย่างยาวนานถึง 18 ปี และเป็นนวัตกรรมที่ได้รับสิทธิบัตร สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของเมลาซิลสามารถช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมกับการจัดการรอยดำฝังลึก ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยที่มีส่วนผสมของเมลาซิล ได้แก่ เมลา บี3 (Mela B3) ของลา โรช-โพเซย์ (La Roche Posay) ทั้งเซรั่มเมลาบี3 (MelaB3) และเมลาบี3 เอสพีเอฟ30 (MelaB3 SPF30) ไกลโคลิก ไบรท์ แอนไท ดาร์กสปอต ไบรท์เทนนิ่ง เซรั่ม (Glycolic-Bright Anti-Dark Spot Brightening Serum) จากลอรีอัล ปารีส (L’Oréal Paris) นอกจากนั้น วิชี่ (Vichy) และแบรนด์อื่นๆ ในเครือลอริอัล กรุ๊ปก็เตรียมนำเมลาซิลมาใช้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะเปิดตัว เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ผู้เชี่ยวชาญคิดค้นขึ้นมาโดยใช้ส่วนผสมใหม่นี้ได้มากยิ่งขึ้น
๐ เม็ดสีผิว โจทย์ใหญ่กระทบคุณภาพชีวิต
จากผลการศึกษาด้านระบาดวิทยาของแพทย์ผิวหนังทั่วโลก พบว่าผู้ที่มีส่วนร่วมในการศึกษาครึ่งหนึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิวอย่างน้อย 1 ประเภท ดร.ดิมอย รอย รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ตลาดเกิดใหม่ ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า “ปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิวไม่ใช่เรื่องผิวเผิน และมีข้อมูลระบุถึงผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตที่ลดลง ลอรีอัลทุ่มเทวิจัยเรื่องเม็ดสีผิวมาเป็นเวลากว่า 30 ปี จนสามารถเข้าใจปัญหาและกลไกการเกิดเม็ดสีส่วนเกินอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้ ในทุกความหลากหลายของลักษณะและสีผิว นวัตกรรมนี้มีกลไกจัดการกับปัญหาความไม่สม่ำเสมอของสีผิว โดยไม่ยับยั้งกระบวนการทำงานในการสร้างเม็ดสีผิวตามธรรมชาติ มีความสำคัญอย่างยิ่งกับประเทศไทย และภูมิภาค SAPMENA ที่ประกอบด้วย เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายของสีผิว”
ดร.ดิมอย อธิบายเพิ่มว่า “เมลาซิลเป็นนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาเม็ดสีผิวไม่สม่ำเสมอเฉพาะจุด ทำงานโดยดักจับสารตั้งต้นที่มากผิดที่จะเปลี่ยนไปเป็นเม็ดสีส่วนเกิน (melanin precursor) ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาจุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ”
ด้านนายแพทย์ภูมิ วิสุทธิ์จินดากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง กล่าวเสริมว่า "ปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิวเฉพาะจุด ฝ้า และกระ เป็นปัญหาด้านผิวพรรณที่มีการค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมากปัญหาหนึ่งในไทย และเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทยไปพบแพทย์ผิวหนัง ความผิดปกติของเม็ดสีผิวมักจะรุนแรงขึ้นเมื่อสัมผัสปริมาณรังสียูวีและมลภาวะระดับสูง ปัจจุบันคนไทยต้องการมีผิวที่สุขภาพดี มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น และสนใจข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และทางเทคนิคของส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และพัฒนาวิธีการดูแลผิวในหลากหลายขั้นตอนมากขึ้น"
ทั้งนี้ ตามปกติเมลานินมีหน้าที่สำคัญในการแสดงโทนสีผิวจึงทำให้สีผิวของมนุษย์มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อผิวถูกแสงแดด ร่างกายจะผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องเซลล์ผิว การผลิตเมลานินที่มากหรือน้อยกว่าปกติเกิดได้จากหลายปัจจัย และอาจก่อให้เกิดปัญหาเม็ดสีผิวเฉพาะจุด เช่น จุดด่างดำแห่งวัยและรอยดำจากสิว ดังนั้น ผลิตภัณฑ์จากลอรีอัล กรุ๊ป ที่มีเมลาซิลเป็นส่วนประกอบจะช่วยลดเลือนจุดด่างดำที่เกิดขึ้นและรอยดำฝังลึกซึ่งเป็นปัญหากวนใจ ด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ได้รับการทดสอบแล้วในทางคลินิกครอบคลุมทุกโทนสีผิว
ลอรีอัล กรุ๊ป ทุ่มเทศึกษาค้นคว้าเรื่องเม็ดสีผิวมานานถึง 35 ปี เมลาซิลได้รับการนำเสนอครั้งแรกในการประชุมแพทย์ผิวหนังโลก (World Congress of Dermatology) ประจำปี 2566 ที่สิงคโปร์ พร้อมกับผลการศึกษาทั่วโลกครั้งแรกเกี่ยวกับความผิดปกติของสีผิวในทางระบาดวิทยา และยังมีการพูดถึงเมลาซิลในการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกา (American Academy of Dermatology) ในเมืองซานดิเอโก เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
๐ โชว์ 3 นวัตกรรมระดับโลก
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ลอรีอัล กรุ๊ป ได้นำเสนอ 3 นวัตกรรมระดับโลก ได้แก่ 1) “Mexoryl 400” หลังจากพัฒนาและค้นคว้าวิจัยสารกันแดด “เม็กโซริล 400” (Mexoryl 400) มาเป็นเวลา 10 ปี พร้อมด้วยสิทธิบัตร 25 ฉบับ ลอรีอัลได้นำเสนอนวัตกรรมครีมกันแดดครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 30 ปี ในปี 2565 ด้วยการเปิดตัว “ยูวีมูน 400” (UVMUNE 400) ที่มีส่วนผสมของเม็กโซริล 400 เทคโนโลยีกันแดดตัวแรกที่สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีช่วงยาวในช่วงคลื่น 380-400 นาโนเมตร หรือ Ultra-Long UVA ซึ่งคิดเป็น 30% ของรังสียูวีทั้งหมด รังสียูวีเอช่วงยาวเป็นสาเหตุของภาวะความเครียดจากออกซิเดชั่น จุดด่างดำ การเปลี่ยนแปลงของยีนที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งผิวหนัง ทั้งยังขัดขวางการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวถูกทำลายจากมลภาวะทางแสง และยังทำให้เกิดสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และจุดด่างดำ โดย “ลา โรช-โพเซย์” (La Roche-Posay) เป็นแบรนด์แรกของลอรีอัลที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของยูวีมูน 400 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด “แอนเทลิโอส” (ANTHELIOS)
2) “EpiSkin ผิวหนังจำลอง” ลอรีอัลมุ่งมั่นสร้างสรรค์ความงามโดยปราศจากการทดลองในสัตว์ จึงไม่ทดลองผลิตภัณฑ์หรือส่วนผสมกับสัตว์ และยังเป็นบริษัทแรกๆ ที่ใช้วิธีการทดลองแบบทางเลือกมากว่า 40 ปี โดยได้บุกเบิกการพัฒนาแบบจำลองผิวมนุษย์ที่สร้างขึ้นใหม่ หรือที่เรียกว่า เอพิสกิน (EpiSkin) เพื่อใช้ประเมินผลิตภัณฑ์และส่วนผสมเครื่องสำอางว่าจะส่งผลอย่างไรต่อผิวของมนุษย์ โดยได้พัฒนาแบบจำลองผิวมนุษย์ที่สร้างขึ้นใหม่ในห้องปฏิบัติการเอพิสกินหลายแห่ง ทั้งในประเทศฝรั่งเศส จีน และบราซิล
3) “Bright Complete Vitamin C Booster Serum” จากลอรีอัล กรุ๊ป ภูมิภาค SAPMENA (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ) ซึ่ง SAPMENA เป็นภูมิภาคที่กว้างใหญ่และมีความหลากหลายมากในด้านประเภทเส้นผมและสีผิว จากระบบการจำแนกสีผิวทั่วโลก โดยพิจารณาจากสีผิวและการตอบสนองต่อแสงแดด มีการแบ่งสีผิวออกเป็น 6 ระดับ ซึ่งสามารถพบได้ในภูมิภาค SAPMENA หมายความว่า ลอรีอัลสามารถถอดรหัสความหลากหลายและคิดค้นโซลูชันที่ครอบคลุมมากที่สุด เหมาะสำหรับทุกสีผิวและทุกสภาพผิว โดยได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ก้าวล้ำเพื่อตอบสนองความงามที่ครอบคลุมทุกความแตกต่างมากที่สุด
ปัจจุบัน นวัตกรรมที่เกิดขึ้นในภูมิภาค SAPMENA กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จ คือ ไบรท์ คอมพลีท วิตามินซี บูสเตอร์ เซรั่ม (Bright Complete Vitamin C Booster Serum) จากการ์นิเย่ (Garnier) ซึ่งคิดค้นและพัฒนาในภูมิภาค SAPMENA เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับผิวพรรณกระจ่างใสไร้จุดด่างดำ เซรั่มสูตรนี้ประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ ยาวนาน 3 วัน เช่น วิตามินซี ซึ่งมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวและทุกสีผิว โดยเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2562 ก่อนจะขยายไปเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรป