ถอดรหัสความสำเร็จแบบ “เก่งบวกดี” ของดานอนประเทศไทย มุ่งเน้นโภชนาการผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ยึดมั่นจุดยืนของเครือข่ายทั่วโลก “พันธมิตรคู่ขนาน” เศรษฐกิจคู่สังคม ได้รับมาตรฐานสากล B Corp และอยู่ในแนวทาง ESG ครบเครื่อง
อารีย์ ทองเปรม HR Director Thailand, Laos & Vietnam บริษัท ดานอน สเปเชียลไลซ์ นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า ดานอนเป็นบริษัทโภชนาการทางด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชั้นนำระดับโลก ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 60 ปีแล้ว ด้วยแบรนด์ “ดูเม็กซ์” และ “ไฮคิว” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากนวัตกรรมด้านโภชนาการที่ทันสมัย เพื่อให้เหมาะกับพัฒนาการของเด็กในทุกๆช่วงวัย บริษัทดานอนประเทศไทยยังมีหน้าที่ดูแลธุรกิจที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวด้วย
ด้วยวิสัยทัศน์ของดานอนคือ “โลกใบเดียว สุขภาพหนึ่งเดียว” (One Planet. One Health) ดานอนจึงมอบทางเลือกด้านสุขภาพให้แก่ผู้คนอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แนวคิดและวิธีการดำเนินงานทุกขั้นตอนของดานอนทั่วโลก มุ่งหลัก “พันธมิตรคู่ขนานทางเศรษฐกิจและสังคม หรือ Dual Project” ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จุดยืนของแบรนด์ดานอนคือการส่งมอบสุขภาพให้กับผู้คน และสุขภาพที่ดีก็เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน โดยดานอนมีกรอบการทำงานเพื่อความยั่งยืน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ สุขภาพที่ดีผ่านทางอาหาร ธรรมชาติ และผู้คนรวมถึงชุมชน
ดานอนถ่ายทอดความมุ่งมั่นนี้ด้วยการกำหนดแผนการทำงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในแต่ละองค์ประกอบ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ดานอนได้ประกาศแผนการทำงานอย่างยั่งยืนภายใต้ชื่อ Danone Impact Journey ตามมาด้วยโครงการในแต่ละภูมิภาคที่ดานอนทำธุรกิจเพื่อสนับสนุนแผนการทำงานดังกล่าว เช่น โครงการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ภาวะโลหิตจางเพราะขาดธาตุเหล็กให้คนในประเทศมาเลเซีย กัมพูชา และไทย
ดานอนประเทศไทยได้รับมาตรฐานสากล B Corp ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานธุรกิจที่ดี เป็น “องค์กรมีคุณประโยชน์” ที่ดีเด่น 5 ด้าน คือ ธรรมาภิบาล พนักงาน ชุมชน สิ่งแวดล้อม และธุรกิจที่ส่งเสริมสังคม และดานอนเชื่อว่าจุดเริ่มต้นของการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนและส่งเสริมผลประกอบการทางธุรกิจคือพนักงาน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อผู้คนและชุมชน
การสร้างให้เกิดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีที่สุดและยอมรับความแตกต่างสำหรับพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทเพื่อสนับสนุนให้ทุกคนเติบโต สนับสนุนการพัฒนาเส้นทางอาชีพในสายงานที่พนักงานต้องการด้วยความเป็นเลิศ และสร้างให้เกิดโอกาสในการทำงานที่หลากหลาย การทำงานต่างแผนกการทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือในภูมิภาค ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
พนักงานดานอนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ Danone Impact Journey ด้วยการร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในด้านสุขภาพ คนและชุมชน และสิ่งแวดล้อม พนักงานดานอนจึงนำค่านิยมที่เรียกว่า HOPE มาเป็นแนวทางและยึดถือในการทำงาน ดังนี้
• Humanism: ที่ดานอนผู้คนคือหัวใจของทุกอย่างที่พนักงานดานอนทำ ดานอนให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และสุขภาวะ ผ่านกลไกการทำงานที่เปิดรับความแตกต่างเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน
• Openness: เปิดรับความคิดใหม่ๆ และพูดคุยสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างโปร่งใส และแสดงความเห็นได้
• Proximity: สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดจะนำไปสู่ความเข้าใจและความไว้วางใจที่ดีขึ้น เช่น ความใส่ใจที่มีให้แก่ชุมชนและการรับฟังอย่างตั้งใจ
• Enthusiasm: มุ่งมั่นในพันธกิจและวัฒนธรรมของดานอน
ด้วยเป้าหมายที่จะส่งมอบสุขภาพที่ดีผ่านทางอาหารให้กับผู้คน ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่พนักงานจึงเป็นรากฐานในพันธกิจของดานอนที่ต้องการส่งมอบสุขภาพที่ดีด้วยอาหารให้กับผู้คน ดานอนมีโปรแกรม bewell เพื่อสนับสนุนให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีใน 3 มิติดังนี้
1. โภชนาการที่ดี:ให้พนักงานได้รับความรู้ด้านโภชนาการและอาหารเพื่อสุขภาพจากที่ทำงานในทุกๆ เดือน หรือที่เรียกว่า Happy Wednesday
2. สุขภาพจิตที่ดี: ให้ความสำคัญในการจัดการด้านอารมณ์ การรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตและให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต โดยดานอนมีโปรแกรมสนับสนุนสุขภาพจิตที่ดีให้พนักงานที่เรียกว่า Employee Assistance Program หรือ EAP ได้แก่ บริการผู้เชี่ยวชาญทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยาเพื่อการปรึกษาด้านสุขภาพจิตแบบโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
3.สุขภาพกายที่ดี: เน้นให้พนักงานดานอนดูแลสุขภาพก่อนที่จะเกิดภาวะที่ไม่พึงประสงค์และมีการออกกำลังกาย เช่น โยคะเพื่อลดออฟฟิศซินโดรม
ในแง่การอยู่ดีมีสุข (Well-Being) ดานอนทำการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานผ่าน แบบสำรวจความคิดเห็นพนักงานดานอน (Danone People Survey) เพื่อวัดว่าพนักงานผูกพันกับองค์กรแค่ไหน และมีการทำโฟกัสกรุ๊ป ซึ่งจะทำให้รู้ความคิดริเริ่มใหม่ๆ ในองค์กร ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานว่าต้องการให้ดานอนทำเรื่องอะไรให้ดีขึ้น นับเป็นเรื่องธรรมาภิบาลด้วย เพราะสามารถพูดหรือสื่อสารได้อย่างโปร่งใสเสรี มีระบบ speak out ที่ให้พนักงานแจ้งการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ก็สามารถเขียนไปในระบบได้เพื่อให้มีการจัดการต่อไป
การรับฟังสิ่งที่พนักงานดานอนต้องการยังรวมถึงนโยบาย Work From Anywhere ในวันจันทร์และวันศุกร์ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านโดยไม่เสียเวลาเดินทางบนท้องถนน เป็นนโยบายที่ต่อเนื่องจากช่วง
โควิด ซึ่งมาจากผลการสำรวจความพึงพอใจที่พนักงานส่วนใหญ่อยากให้ยังคงมีอยู่และสามารถส่งมอบผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
นอกจากนโยบายและความคิดริเริ่มจากพนักงานแล้ว ดานอนก็มีนโยบายที่ดานอนทั่วโลกปฏิบัติเหมือนกัน คือ Parental policy เพื่อสนับสนุนว่า “นมแม่ดีที่สุด” สำหรับพนักงานที่เป็นคุณแม่ให้สามารถลาคลอดได้ 6 เดือน โดยรับเงินเดือน 126 วัน จากที่กฎหมายกำหนด 90 วัน และยังมีโปรแกรมให้แม่เรียนรู้ก่อนคลอดอีกด้วย รวมไปถึงการสนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่สามารถลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้
เมื่อกล่าวถึงแนวการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึง ESG นั้น อารีย์ ทองเปรม HR Director ยืนยันว่า ดานอน ได้ดำเนินงานในแนวทางนี้อยู่แล้ว เพราะหลัก “พันธกิจคู่ขนานทางเศรษฐกิจและสังคม” (Dual Project) ก็ครอบคลุมทุกอย่าง จึงมีความสอดคล้องกับแนวทางการมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDGs ได้
“ดานอนมุ่งผลประกอบการที่ดี เน้นการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (E หรือ Environmental) โดยดานอนเลือกคู่ค้าซัพพลายเออร์ที่รักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น มีแผนปรับรถยนต์ของพนักงานขายให้เป็นแบบไฮบริด เป็นต้น และยังมีการดูแลผู้มีส่วนได้เสีย (S หรือ Social) โดยบริษัทมีกระบวนการทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ส่วนหลักธรรมาภิบาล (G หรือ Governance) บริษัทก็ยึดถือหลักสิทธิมนุษยชน โดยมีการจัดดทำนโยบายเพื่อส่งเสริมและมุ่งเน้นการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค ผ่านทางกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบภายในที่ดี”