xs
xsm
sm
md
lg

สำเร็จแล้ว!! "น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ" BBGI ผนึก SCGC - QTC พร้อมใช้จริง ระยองนำร่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



BBGI พร้อมพันธมิตร ได้แก่ SCGC และ QTC ประกาศความสำเร็จอีกขั้นของความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Innovation ใน “โครงการพัฒนาและผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (Bio-Based Transformer Oil) จากน้ำมันปาล์ม” โดยได้ทดลองใช้งานในหม้อแปลงไฟฟ้าจริง ได้ผลตามมาตรฐานสากล มีความปลอดภัยในการใช้งาน พร้อมส่งมอบให้ลูกค้านำร่องเป็นครั้งแรกที่ จ. ระยอง เตรียมต่อยอดการผลิตเชิงพาณิชย์ ช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่นโยบายเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (Bio-Based Transformer Oil) จากน้ำมันปาล์มทำหน้าที่เป็นฉนวนไฟฟ้าและช่วยระบายความร้อนภายในหม้อแปลงไฟฟ้า

 น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (Bio-Based Transformer Oil)
โครงการพัฒนาและผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพโดยใช้น้ำมันปาล์ม สอดคล้องกับนโยบายพลังงานสะอาดและนโยบายเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ของภาครัฐ รวมถึงมาตรการส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่ต้องการกระตุ้นปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มผ่านความต้องการใช้น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพในประเทศไทย ทั้งนี้ถือว่าเป็นการต่อยอดและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากน้ำมันปาล์ม เป็นทางเลือกในการรองรับปริมาณน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศในอนาคตได้ นอกจากนั้นยังเป็นการลดการนำเข้าน้ำมันหม้อแปลงชีวภาพจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตหม้อแปลงจะต้องมีการนำเข้าน้ำมันหม้อแปลงชีวภาพจากต่างประเทศมาเพื่อใช้งาน 100%

นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการพัฒนาและผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (Bio-Based Transformer Oil) จากน้ำมันปาล์ม ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท บีบีจีไอ ไบโอดีเซล จำกัด หรือ BBGI BI บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และ บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ว่า “การทดลองเพื่อผลิตน้ำมันหม้อแปลงชีวภาพได้ผลเป็นไปตามมาตรฐานสากลของน้ำมันหม้อแปลงชนิดจุดติดไฟสูง (High Fire Point) หรือ IEC 62770 ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง อีกทั้งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (biodegradable) จึงได้มีการเติมในหม้อแปลงไฟฟ้าจริงและส่งมอบให้ลูกค้าเอกชนใช้งานเป็นครั้งแรกที่ จ. ระยอง รวมถึงเตรียมความพร้อมขยายผลในเชิงพาณิชย์ต่อไป”

 น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพจากน้ำมันปาล์ม นวัตกรรม เทคโนโลยี Catalyst จาก SCGC
นายสุเมธ เจริญชัยเดช Central Research and Development Director เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC กล่าวเพิ่มเติมว่า “SCGC ผู้เชี่ยวชาญด้าน Green Innovation ได้ใช้เทคโนโลยีตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการเปลี่ยนน้ำมันปาล์มให้กลายเป็นน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพที่มูลค่ามากขึ้น โดยการพัฒนาในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันแบบ Open Innovation เพื่อดึงศักยภาพของแต่ละภาคส่วนมาใช้ในโครงการอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพจากน้ำมันปาล์มให้ได้ตามมาตรฐานระดับโลก IEC 62770 จนนำไปสู่การใช้งานจริง นับเป็นก้าวสำคัญต่อเศรษฐกิจชีวมวล (Bio-Economy) ที่ประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพได้เองภายในประเทศ ช่วยทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งเสริมประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม”

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) และตัวแทนจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ Longi (ลองจิ) และอินเวอร์เตอร์ ของ Huawei (หัวเว่ย) กล่าวเสริมถึงความสำเร็จในโครงการฯ ว่า “ในแง่คุณสมบัติของน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพเมื่อเทียบเคียงผู้ผลิตตลาดต่างประเทศ ถือว่ามีความได้เปรียบในด้านค่าความหนืดที่ใกล้เคียงกับน้ำมัน Mineral Oil ซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาตรฐานการออกแบบหม้อแปลงไฟฟ้า นอกจากนี้น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าสามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้สูง (Dielectric Breakdown Voltage) จุดวาบไฟ (Flash Point) และจุดติดไฟ (Fire Point) มีค่าสูง ส่งผลให้มีความปลอดภัยในการใช้งานเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพจากน้ำมันปาล์ม ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI เกิดจากแผนความตกลงร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-based Products) ระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจผลิตและ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-based Products) ประเภทผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ได้แก่ เอทานอล ไบโอดีเซล และผลิตภัณฑ์พลอยได้และ และธุรกิจอื่นคือธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (High Value Bio-Based Products) ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพ (Health and Well-Being Products) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (“ธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพ”)

สำหรับเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) เป็นผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียน ทั้งในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึงขั้นปลาย ได้แก่ เม็ดพลาสติกหลักทั้ง 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน และพอลิไวนิลคลอไรด์

SCGC มุ่งสร้างสรรค์ "นวัตกรรมเคมีภัณฑ์เพื่อทุกความเป็นได้" (INNOVATION THAT’S REAL) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ตามแนวทาง ESG และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน SCGC เน้นพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ การแพทย์และสุขภาพ และโซลูชันด้านพลังงาน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น