สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ที่เข้าทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรก พร้อมกับการเปิดเผย 10 รายชื่อหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการพลิกฟื้นกลุ่ม ESG Turnaround เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ไม่ด้อยกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 17,037 จุดข้อมูล
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า “การพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ในปีนี้ นับเป็นปีที่ห้าของการประเมิน โดยพิจารณาจากข้อมูลการดำเนินงานที่สะท้อนปัจจัยด้าน ESG ตามที่บริษัทเปิดเผยต่อสาธารณะ และผ่านเกณฑ์คัดกรองเบื้องต้นที่ใช้ในการประเมินหลักทรัพย์ ESG100 ของสถาบันไทยพัฒน์ ตามหลักการ CORE Framework เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ลงทุน”
สำหรับหลักทรัพย์ที่ติดกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ซึ่งได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรก มีจำนวน 19 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย ADVICE BBGI COCOCO CPNREIT GFC HUMAN KCG LHHOTEL LPF NSL Q-CON SAFE SECURE SHR TPBI TTA UP WHAUP WPH
โดยผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่คัดเลือกจากยูนิเวิร์สของกลุ่ม ESG Emerging ปี พ.ศ.2563-2567 จำนวน 44 หลักทรัพย์ ในรูปแบบกองทุนส่วนบุคคล Thaipat ESG Emerging Private Fund ซึ่งเป็นการลงทุนในแบบ Passive Strategy ที่ให้น้ำหนักการลงทุนในหลักทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก (Small-Mid Cap) เท่าเทียมกับหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ (Large Cap) โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงในช่วงราคาที่กว้างของหลักทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก และการปรับสัดส่วนการลงทุน (Rebalance) ทุก 3 เดือน เพื่อการสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีอ้างอิงพื้นฐาน
ในปี 2567 นี้ สถาบันไทยพัฒน์ยังได้คัดเลือกและจัดทำรายชื่อหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการพลิกฟื้นกลุ่ม ESG Turnaround เป็นปีที่สอง เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ด้วยโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากหลักทรัพย์ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวและมีปัจจัย ESG สนับสนุน
สำหรับหลักทรัพย์กลุ่ม ESG Turnaround ประกอบด้วย AOT BA BAFS CPF DUSIT ERW MALEE SEAFCO SPA THRE รวมจำนวน 10 หลักทรัพย์
“การพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการพลิกฟื้นกลุ่ม ESG Turnaround ในปีนี้ เป็นปีที่สองของการจัดทำรายชื่อบริษัทที่มี ESG ซึ่งได้ตามเกณฑ์ในรอบปีการประเมิน แต่ยังมีผลประกอบการติดลบหรือต่ำกว่าตลาด (Underperform) โดยมีสัญญาณการพลิกฟื้นและโอกาสในการไต่ระดับขึ้น (Upside) ของราคาหลักทรัพย์ จากการฟื้นตัวของตลาด และศักยภาพในธุรกิจแกนหลัก (Core Business) ของกิจการที่มี ESG เป็นปัจจัยสนับสนุน” ดร.พิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2567 จะใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการปรับหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ Thaipat ESG Index ประจำปี สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Benchmark Index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG โดยผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ S&P Dow Jones' Custom Indices
สำหรับรายชื่อหลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกตั้งแต่ปี พ.ศ.2558-2566 สถาบันไทยพัฒน์ได้ทำการเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ https://thaipat.esgrating.com
หมายเหตุ: การนำเสนอข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์จดทะเบียน ESG100 รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่สถาบันไทยพัฒน์เป็นผู้ประเมิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้เป็นข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นคำแนะนำในการลงทุน หรือการเสนอซื้อเสนอขายใดๆ ทั้งสิ้น