xs
xsm
sm
md
lg

4 BIG HR tech companies ฉายภาพ 4 มุมคิด AI กับการพัฒนาคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เสวนา PMAT Exclusive Talk
PMAT (สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย) ร่วมกับ 4 BIG HR tech companies นำโดย “JOBTOPGUN.com – Humanica – SkillLane – Darwinbox” รวมตัวครั้งสำคัญ บนเวทีเสวนา PMAT Exclusive Talk เมื่อ วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567 ที่ Paragon Cineplex VIP1 @ Siam Paragon ชั้น 5 เพื่อแลกเปลี่ยนถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงไปของสถานที่ทำงาน รูปแบบการทำงาน และ บทบาทของ AI ในการปรับปรุงและพัฒนาทักษะของบุคลากรในยุคที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่จะนำทุกท่านไปพบกันใน งาน Thailand HR TECH 2024 ซึ่งจะเปิดประสบการณ์ให้คุณได้สัมผัสเทคโนโลยีและโซลูชั่นด้าน HR ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 วริศ ชนาเทพาพร Executive Vice President ของ JOBTOPGUN.com
๐ AI เปรียบเสมือนกล่องดำ

วริศ ชนาเทพาพร Executive Vice President ของ JOBTOPGUN.com ได้แสดงความเห็นถึงความสำคัญของ AI ในกระบวนการสรรหาบุคลากร โดยเน้นย้ำว่าปัจจุบัน AI มีบทบาทเป็นหัวใจหลักในการค้นหาและคัดเลือก top talent ให้กับองค์กร

วริศ ชี้แจงว่า "เรากำลังอยู่ในยุคที่การแข่งขันสูง ทุกบริษัทมีเป้าหมายหลักในการหาบุคลากรที่เป็น 'top talent' ตามข้อมูลวิจัยจาก Harvard Business Review ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่าคนส่วนใหญ่ได้งานจาก โพสต์รับสมัครงานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่สามารถรอแค่คนมาสมัครงานอีกต่อไปได้ แต่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการดึงดูด 'top talent' เข้ามาในองค์กร" AI ในกระบวนการสรรหาบุคคลากรได้ปฏิวัติวิธีการทำงานของ HR เป็นอย่างมาก
จากเดิมที่การคัดเลือกบุคคลากรจำกัดเพียง 80 คน ปัจจุบัน AI ช่วยให้สามารถค้นหาและคัดกรองจากฐานข้อมูลมากถึง 3 ล้านคนได้ ซึ่งเป็นการขยายโอกาสในการค้นหาบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการขององค์กร

วริศ อธิบายเพิ่มเติมว่า การทำงานของ HR ในยุคนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงแต่ประสบการณ์ส่วนตัวหรือความรู้เดิม ๆ ของ HR แต่ละคน แต่สามารถใช้ประโยชน์จากคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่ AI จัดหามาให้ ทำให้การค้นหาบุคคลากรเป็นไปอย่างรวดเร็ว และสามารถค้นหาผู้ที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดเวลาและภาระงานที่ HR ต้องใช้ในการคัดกรองผู้สมัครแต่ละคน โดยสามารถกำหนดเงื่อนไขการค้นหาที่ละเอียดและซับซ้อนได้ง่ายขึ้น

วริศ ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดหางานที่เริ่มเน้นไปที่ความสามารถและทักษะเฉพาะทางมากขึ้น โดยเขาได้กล่าวว่า "ตลาดหางานเริ่มเคลื่อนไปสู่การเน้นทักษะอย่างชัดเจน
ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่าแต่ละตำแหน่งงานต้องการทักษะอะไรบ้าง? ซึ่ง AI มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ เพราะสามารถเข้าใจบทบาทและความต้องการของแต่ละคนในแต่ละใบสมัครได้อย่างแม่นยำ"

อย่างไรก็ตาม ความสามารถของ AI ก็ยังมีมุมมืด ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย AI วริศ กล่าวว่า "AI
เปรียบเสมือนกล่องดำ" บ่งบอกถึงการขาดความโปร่งใสในการทำงานและวิธีการตัดสินใจภายในของมัน ในอดีต เมื่อเราใช้ Google ในการค้นหาข้อมูล เราสามารถเข้าถึงแหล่งอ้างอิงและคัดกรองความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ แต่กับ AI กระบวนการดังกล่าวไม่ชัดเจนและยากต่อการตรวจสอบ เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ วริศได้แนะนำว่า "เราต้องมีการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical
thinking) และความคิดเชิงวิเคราะห์ (analytical thinking) ควบคู่กันไปในการตัดสินใจ" และย้ำว่า

"อย่าไปเชื่อ AI 100%" การใช้ AI อย่างมีสติและการยอมรับว่ามันมีข้อจำกัดเป็นส่วนสำคัญในการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นว่า AI ช่วยให้การสรรหาบุคคลากรไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประสบการณ์การทำงานและการมีส่วนร่วมเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการพิจารณาด้าน 'soft side' ซึ่งเป็นประโยชน์ในการคัดกรองคน และช่วยให้การคัดเลือกบุคคลากรลึกซึ้งและซับซ้อนขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการของโลกยุคใหม่ที่มีความต้องการที่มากขึ้นและซับซ้อนขึ้นทุกที จากการให้ความเห็นของวริศ ชัดเจนว่า AI จะมีบทบาทที่สำคัญและเป็นพื้นฐานในการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการสรรหาบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพและความเหมาะสมอย่างมากในอนาคต

 สุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน)
๐ Workplace ที่เปลี่ยนไปในโลกการทำงานรูปแบบใหม่

สุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน (workplace) และ การทำงานหลังโควิด 3 แนวโน้มสำคัญ คือ
เทรนด์ที่ 1 Flexible Workplace การทำงานไม่ได้อยู่ในออฟฟิศอีกต่อไปแล้ว การทำงานระยะไกลหรือการทำงานจากที่บ้านกลายเป็นสิ่งที่เป็นปกติและได้รับการยอมรับมากขึ้น

ปรากฏการณ์ เกี่ยวกับ Remote Work และ Work From Home นี้เกิดขึ้นมาก่อนก่อนโควิด คนเริ่มพูดถึง flexible workplace แต่ยังไม่ได้ลงมือทำกันอย่างจริงจัง จนสถานการณ์โควิดเข้ามาบังคับ และถึงแม้ว่าวิกฤติโควิดจะจบลงไปแล้ว แต่ก็ยังเรียกร้องความยืดหยุ่นในสถานที่ทำงานยังคงมีมากขึ้น โดยเฉพาะจากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสามารถในการเลือกสถานที่ทำงานที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความต้องการส่วนบุคคล

สุนทร ยังได้หยิบยกประเด็นที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่บรรดาองค์กรและบุคคลเกี่ยวกับแนวทางการทำงานที่เหมาะสมในยุคหลังโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง มีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างการทำงานจากที่บ้าน (work from home) กับการทำงานที่ออฟฟิศ โดยมีข้อกังวลหลายประการ อาทิ การสร้าง Bonding และ Teamwork ความรั่วไหลของวัฒนธรรมองค์กร การถกเถียงเกี่ยวกับระดับของความยืดหยุ่น

เทรนด์ที่ 2 Workforce Diversity การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของกำลังคนในองค์กรที่เป็นผลมาจากการเกษียณของ baby boomer และ Gen X ขึ้นสู่ตำแหน่งบริการ และ การเข้ามาของคน Gen Y และ Gen Z ซึ่งนำไปสู่ความหลากหลายที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ทำงาน การจัดการกับความท้าทายเหล่านี้และการยอมรับความหลากหลายในทุกมิติจะส่งผลให้องค์กรสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่สะท้อนถึงความเสมอภาคและเป็นธรรม ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในระยะยาวทั้งในด้านผลผลิตและการรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ.

เทรนด์ที่ 3 productivity (ผลิตภาพ) สุนทร ได้กล่าวถึงผลกระทบของเทคโนโลยีต่อผลิตภาพในองค์กรและการเปลี่ยนแปลงในบทบาทงานที่เกิดจากนวัตกร รมเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า นำมาซึ่งการลดหย่อนของบางตำแหน่งงานที่เคยมีความสำคัญในอดีต ตัวอย่างเช่น การลดจำนวนสาขาธนาคารที่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของบริการธนาคารออนไลน์

สุนทร ยังได้ยกเอาประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการประเมินผลิตภาพการทำงานในยุคที่โครงสร้างของกำลังคนและสถานที่ทำงานมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปรียบเทียบระหว่างผลิตภาพการทำงานกับการบันทึกเวลาเข้า-ออกของพนักงาน (attendance)
การปรับเปลี่ยนแนวคิดในการวัดประสิทธิภาพของพนักงานจากการเข้างานตรงเวลาไปสู่การประเมินผลผลิตและการมีส่วนร่วมต่อองค์กรและทีมนั้นสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีการทำงานและความคาดหวังในที่ทำงานสมัยใหม่

บางส่วนของแนวทางและความท้าทายที่องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญเมื่อใช้การประเมินผลิตภาพการทำงาน 1) การปรับวัฒนธรรมการทำงานต้องสื่อสารอย่างชัดเจนและฝึกฝนให้พนักงานทุกระดับเข้าใจถึงความคาดหวังใหม่ๆ และความสำคัญของผลลัพธ์ที่ส่งมอบได้ 2) การสร้างระหว่างผลผลิตและเวลาทำงาน องค์กรควรหาวิธีที่จะสร้างความสมดุลระหว่างการวัดผลผลิตกับความจำเป็นในการมีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการช่วยติดตามและวิเคราะห์การทำงานจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากรและการปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในบางอุตสาหกรรม เช่น การผลิต, การดูแลสุขภาพ, หรือบริการลูกค้า, การเข้างานยังคงมีความสำคัญในการให้บริการและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ในกรณีเหล่านี้ การเข้าออกงานตามกะที่กำหนดยังคงเป็นสิ่งจำเป็นและต้องได้รับการจัดการอย่างรอบคอบเพื่อรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของการบริการ

นอกจาก 3 เทรนด์การทำงานหลักๆ ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงแล้ว ในแง่ของ employee well-being ก็ถือเป็น 1 ใน HR issue ที่น่าสนใจ เพราะหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกเราทุกวันนี้
ทำให้สวัสดิการพื้นฐาน มันไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว สุนทร ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตและร่างกายของพนักงานอย่างครอบคลุมภายใต้แนวคิดของ 'employee well-being' ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การให้สวัสดิการด้านสุขภาพแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาอาชีพและสังคมในที่ทำงานด้วย

ต่อไปความคาดหวังของพนักงาน ไม่ใช่แค่ป่วย แล้วมีสวัสดิการรองรับ แต่คาดหวังว่าเขาจะเป็นคนเลือกสวัสดิการด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นแล้วในโลก แต่กับประเทศไทย ถือเป็นอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะแนวคิดของ flexi benefit เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีรองรับ และบางคอนเซ็ปต์ อย่างเช่น health tech ถือเป็นเทคโนโลยีที่ดี ที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรอหมอที่สถานพยาบาล

เอกฉัตร อัศวรุจิกุล COO and co-founder of SkillLane
๐ AI หัวใจของการเรียนรู้

เอกฉัตร อัศวรุจิกุล COO and co-founder of SkillLane ได้เน้นย้ำถึงการปรับเปลี่ยนและการพัฒนาในด้านของการเรียนรู้และการพัฒนาภายในองค์กรที่เกิดจากการเติบโตของ AI และสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้น ด้านต่างๆ ที่ เอกฉัตร ได้กล่าวถึงนั้นสะท้อนถึงความต้องการและความคาดหวังที่เปลี่ยนไปของทั้งพนักงานและองค์กร รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และสถานการณ์ที่บีบบังคับจากการแข่งขัน ทำให้ learning and development มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ใน 3 ประเด็นสำคัญคือ hybrid learning ซึ่งผสมผสานระหว่าง ออนไลน์ กับออฟไลน์ เข้าด้วยกันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น การออกแบบเนื้อหาจึงเป็น micro learning มากขึ้น คือสั้นกระชับ เรียนเสร็จแล้ว นำไปใช้ได้ทันที

ยุคใหม่ ทักษะที่สำคัญจะเป็นเรื่องของ soft skill ต่างๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร ภาวะผู้นำ เอกฉัตร ได้กล่าว ถึงบทบาทของ AI ในการพัฒนาและเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ภายในองค์กรผ่านการใช้ adaptive learning ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ AI เพื่อปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้ตรงกับความต้องการและระดับความสามารถของแต่ละบุคคล การมุ่งเน้นให้บริษัทเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมการเรียนรู้ (learning culture) เป็นวิธีหนึ่งที่สำคัญในการตอบสนองต่อความเร็วของการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจและเทคโนโลยีปัจจุบัน การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้าง "ภูมิต้านทาน" ต่อการเปลี่ยนแปลงภายนอกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนร่วมและมีความสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า

เข้าสู่ปี 2024 ความสำคัญของ data และ การวิเคราะห์ข้อมูล จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจ การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลทำให้บริษัทสามารถเข้าใจลูกค้าและตลาดได้ดียิ่งขึ้น ช่วยในการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ในขณะเดียวกัน Generative AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับการทำงานและเพิ่มผลผลิต โดยเฉพาะในงานที่ต้องการการสร้างสรรค์และนวัตกรรม นอกจากนี้ Generative AI
ยังสามารถช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซากจำเจและอัตโนมัติการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีค่ามากขึ้นและมีความสำคัญต่อการเติบโตและนวัตกรรมขององค์กร

 พนาสิทธิ์ วงษ์มิตรแท้ Country Head – Client Advisory & Solution Darwinbox  ประจำประเทศไทย
๐ AI ผู้ช่วยพยากรณ์

พนาสิทธิ์ วงษ์มิตรแท้ Country Head – Client Advisory & Solution Darwinbox
ประจำประเทศไทย ได้ชี้ให้เห็นถึงการเชื่อมโยงที่มีมายาวนานระหว่างฟังก์ชันทรัพยากรมนุษย์ (HR) และเทคโนโลยี AI ที่ไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเพียงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่มีการพัฒนาและการนำ AI เข้ามาใช้ใน HR เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

การใช้ AI และ machine learning ในระบบ HR ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการทรัพยากรมนุษย์จากการเป็นการตัดสินใจที่พึ่งพาข้อมูลพื้นฐาน (condition based) เป็นระบบที่มีความสามารถในการทำนาย (predictive), ป้องกัน (preventive), และวิเคราะห์ข้อมูล (analytic) โดยอัตโนมัติ นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ระบบ HR สามารถช่วยองค์กรในการเข้าใจและจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรจำไว้ว่า AI เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้การจัดการเหล่านี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นและเติมเต็มการทำงานของมนุษย์ในองค์กร ไม่ใช่ทดแทนการตัดสินใจทางมนุษย์โดยสิ้นเชิง

AI ในงาน HR ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในหลายด้านของการจัดการทรัพยากรมนุษย์
โดยเฉพาะในการทำนายและการวิเคราะห์ข้อมูล (predictive) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการขององค์กรในการหาและพัฒนาพนักงาน ส่วนสำคัญของการใช้ AI ใน HR อาทิ
การค้นหาและคัดกรองความสามารถ (Talent Acquisition) การจัดการค่าใช้จ่ายและการเบิกเคลม AI ช่วยลดภาระของงานด้านเอกสารและการตรวจสอบที่ซับซ้อน การวางแผนพัฒนาอาชีพของพนักงาน AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการทำงานและความสามารถของพนักงานเพื่อเสนอแนวทางและคำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพ ช่วยให้พนักงานมีทิศทางในการเติบโตและเส้นทางการเรียนรู้ที่ชัดเจน

อย่างไรก็ดี ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การนำ AI มาใช้ในงาน HR นั้นเป็นการขยายความสามารถของทีมทรัพยากรมนุษย์ให้สามารถทำงานได้มากขึ้นและลึกซึ้งขึ้น โดยเฉพาะในการทำนายและการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานในองค์กร อย่างไรก็ดี ควรมีการตระหนักว่า AI ไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจทางมนุษย์ได้ทั้งหมด แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การจัดการทรัพยากรมนุษย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามและต้องให้ความสำคัญ คือ การใช้ AI ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์นั้นต้องพิจารณาถึงประเด็นทางจริยธรรมอย่างละเอียด เพราะการทำงานของ AI อาศัยข้อมูลและสถิติที่มีอยู่ ซึ่งสามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ขาดคุณสมบัติมนุษย์สำคัญ เช่น ความเข้าอกเข้าใจ (empathy) และจริยธรรม การทำงานของ HR จึงควรมีการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี AI กับการตัดสินใจแบบมีส่วนร่วมของมนุษย์ (human touch) เพื่อให้เกิดความสมดุลและยุติธรรม ดังนั้น การใช้ AI ใน HR ต้องรับรองว่าข้อมูลที่ใช้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อป้องกันการตัดสินใจที่อาจเกิดจากข้อมูลที่ล้าสมัยหรือไม่ครบถ้วน HR ต้องสามารถอธิบายได้ว่า AI
ได้แนะนำหรือตัดสินใจอย่างไร และข้อมูลที่ใช้มาจากที่ใด ความโปร่งใสนี้จำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบ AI และเพิ่มความเข้าใจในการใช้งาน AI ในองค์กร HR ต้องเข้าใจธรรมชาติและข้อจำกัดของ AI เพื่อใช้ประโยชน์จากมันในการตัดสินใจที่เหมาะสม และไม่ควรพึ่งพา AI เป็นหลัก 100% ต้องคำนึงถึงกฎหมายและนโยบายท้องถิ่น รวมถึงการพิจารณาความเหมาะสมของข้อมูลที่จะใช้ในการฝึกฝน AI

สุดคนึง ขัมภรัตน์ นายกสมาคม PMAT
๐ PMAT มุ่งยกระดับ SMART HR ‘ทำน้อย’ แต่ ‘ได้มาก’

4 ผู้นำในอุตสาหกรรม HR Tech ได้ฉายภาพ การเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงาน และ โลกธุรกิจ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญให้กับเราได้ทราบแล้ว ปิดท้ายการเสวนาในวันนี้ด้วยมุมมอง จาก สุดคนึง ขัมภรัตน์ นายกสมาคม PMAT ที่มุ่งมั่นยกระดับให้ HR เป็น SMART HR ‘ทำน้อย’ แต่ ‘ได้มาก’

สุดคนึง กล่าวว่า ความรับผิดชอบต่อชุมชนคน HR ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องดูแลทุกข์สุขของพนักงาน
เป็นบทบาทสำคัญของ PMAT เมื่อบริบทของโลกเปลี่ยนแปลง ทำให้ HR ขยายบทบาทจากงานแอดมิน มาทำหน้าที่เป็นคู่คิด (business partner) ช่วยสนับสนุน CEO ทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย

แนวคิดของ PMAT ในการยกระดับ HR สู่การเป็น "SMART HR" คือ HR ‘ทำน้อย’ แต่ ‘ได้มาก’
สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในแวดวงการจัดการทรัพยากรมนุษย์ท ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำงานประจำ การใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยเหลืองาน HR นี้ช่วยให้ HR สามารถโฟกัสไปที่งานที่สำคัญกว่า ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาและการรักษาพนักงานที่มีคุณค่าให้อยู่กับองค์กรต่อไป ส่งผลให้ HR มีส่วนร่วมมากขึ้นในการวางกลยุทธ์และการสนับสนุนการตัดสินใจในระดับสูง

งาน Thailand HR Tech 2024: The Digital & AI Landscape of Leadership, Sustainability
and Wellbeing ซึ่งเป็นงานที่คุณสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 2-3 กรกฎาคม 2567 ที่ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ทำงานในแวดวง HR
และผู้ที่สนใจในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพื่ออัปเดตความรู้และเครื่องมือใหม่ๆ
ที่จะช่วยให้การทำงานการ “จัดการคน” และ “พัฒนาคน” เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงความต้องการของพนักงานได้ดียิ่งขึ้น

ภายในงานนอกจากจะฉายภาพความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นำคุณไปค้นพบโอกาสในการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล่าสุด มีการสัมมนากว่า 80 Sessions ที่น่าสนใจ คุณจะได้รับฟังทัศนะ ความรู้ จาก 120 ผู้เชี่ยวชาญที่จะนำเสนอทั้งภาษาไทยและอังกฤษ กับ 4 เวทีหลัก 8 ธีมนำสมัย และ อีก 10 Workshops และ แน่นอนว่ากิจกรรมสนับสนุน Networking ที่จะส่งมองประสบการณ์ดีๆให้คุณมีอย่างจัดเต็ม ไม่ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพด้าน HR, ผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยี, หรือผู้นำธุรกิจที่ต้องการเจาะให้ถึงหัวใจของการจัดการและพัฒนาคน

Thailand HR Tech 2024 คืองานที่จะเชื่อมต่อคุณกับแนวทางการทำงานใหม่ๆ โดยปรับใช้เทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงและพัฒนางานด้าน HR เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและสร้างองค์กรที่แข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน ท่านที่สนใจเข้าร่วมงาน #ThailandHRTech2024 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://hrtech.pmat.or.th/   ลงทะเบียนได้ทันที ที่ https://manow.online/hrtech2024/register.php


กำลังโหลดความคิดเห็น