อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ปักธงองค์กรคาร์บอนต่ำ ชู "โรงงานกำแพงเพชร" ต้นแบบโรงงานสีเขียว พร้อมเปิดตัว “อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน” เดินหน้าธุรกิจใหม่รุก “เกษตรยั่งยืน” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอกย้ำการสร้าง”การอยู่ดีมีสุข” ให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน ด้วย “ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน"
นายเค็นจิ ฮะระดะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอาหาร กล่าวถึง แผนการดำเนินงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนในปี 2573 ว่า มุ่งขับเคลื่อน 5 แนวทางเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย 1) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% 2) ดูแลรักษาแหล่งน้ำ 80% 3) ลดขยะพลาสติกให้เป็นศูนย์ ด้วยการใช้พลาสติกรีไซเคิล 4) ลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิต และ5) จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนทั้ง 100%
โดยมีผลการดำเนินงานเป็นรูปธรรมใน 4 ภาคส่วน ดังนี้ 1. ภาคการผลิตในโรงงาน อาทิ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ในกระบวนการผลิตแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 380,000 ตันต่อปี การลดใช้น้ำและพลาสติกจากการดำเนินงาน การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้เป็นวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารได้ถึง 70% หรือประมาณ 1,300 ตัน รวมทั้ง ยูนิฟอร์มของพนักงานอายิโนะโมะโต๊ะยังถูกผลิตขึ้นจากขวดน้ำพลาสติกที่ใช้แล้ว นับเป็นการช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้คือการดำเนินงานของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำ
2. ภาคการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นในการพิจารณาเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ที่เกี่ยวเนื่องกับการได้มาซึ่งวัตถุดิบหรือสินค้าในห่วงโซ่อุปทาน โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในการดำเนินการเลือกใช้กระดาษที่ผ่านการรับรอง FSC ได้ทั้งหมด 100% การเลือกใช้น้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์จากปาล์มที่ผ่านการรับรอง RSPO กว่า 100% และการเลือกใช้เนื้อหมูที่ได้จากการเลี้ยงที่คำนึงถึง Animal welfare
3. ภาคครัวเรือน จัดโครงการ “Too Good To Waste กินหมดลดโลกร้อน” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการร่วมลดขยะอาหารแก่ผู้บริโภคผ่าน “สูตรอาหารรักษ์โลก”
4. ภาคเกษตรกรรม การต่อยอดองค์ความรู้ด้านกรดอะมิโน ผ่านผลิตภัณฑ์ร่วมที่ได้จากกระบวนการผลิตผงชูรส การสนับสนุนเกษตรกรให้สามารถผลิตผลผลิตได้อย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Ajinomoto Bio-cycle” ซึ่งเป็นแนวทางวัฏจักรชีวภาพในกระบวนการผลิต
“เราสามารถดำเนินกิจกรรมหลายอย่างได้อย่างดีในปี 2566 และตั้งเป้าหมายในปี 2567 เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2573พร้อมทั้งมุ่งสร้างคุณค่าขององค์กรด้วย 3 แนวทาง ได้แก่ การสร้างความอยู่ดีมีสุข การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการส่งเสริมความยั่งยืนของโลก”
สำหรับ “โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะ กำแพงเพชร" ซึ่งเป็นต้นแบบโรงงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม นายนัฏทพนธ์ พานิชดี ผู้จัดการโรงงานอายิโนะโมะโต๊ะ จังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า ได้ดำเนินการต่างๆ ด้วยการใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น “เทคโนโลยีหม้อต้มไอน้ำพลังงานชีวมวล” การก่อสร้าง “โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากชีวมวล” ที่นำแกลบและชานอ้อยที่เหลือจากภาคการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับกระบวนการผลิตภายในโรงงาน การติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์บนหลังคา รวมทั้ง การจัดการน้ำในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำหลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) มาใช้ในการจัดการในโรงงาน การลดปริมาณการใช้พลาสติกระหว่างกระบวนการผลิต เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ และสร้างวงจรเชิงบวกอย่างยั่งยืน โรงงานแห่งนี้จึงเป็นต้นแบบโรงงานสีเขียวด้วยกระบวนการผลิตรักษ์โลกดังกล่าว
ปัจจุบัน โรงงานฯ ประกอบด้วย 2 สายการผลิต ได้แก่ 1. สายการผลิตผงชูรส “อายิโนะโมะโต๊ะ” และ2. สายการผลิตวัตถุปรุงแต่งอาหาร “โรโบนิวคลีโอไทด์” ภายใต้แบรนด์ “อายิไทด์ ไอ พลัส จี” สำหรับใช้เสริมรสชาติคู่กับผงชูรสในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและขนมขบเคี้ยวต่างๆ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและกว่า 40 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ W-Plus เพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วนการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ 92% และอายิไทด์ ไอ พลัส จี 8%
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็น “บริษัทต้นแบบทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม” โดยตั้งเป้าหมายรุกภาคการเกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนในการจัดการกับ “ผลิตภัณฑ์ร่วม” ที่ได้จากกระบวนการผลิตผงชูรสและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ทางการเกษตร ปัจจุบัน มี 11 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 2 หมวดหมู่ ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร เช่น กระเทียม เมล็ดกาแฟ 2) ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับพืชและอาหารสำหรับสัตว์
นายโคะเฮ อิชิกะวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราต่อยอดองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพการเพาะปลูกที่ดีขึ้นของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘ปุ๋ยอามินา’ ที่เกิดจากความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีการหมัก มาพัฒนาเป็นปุ๋ยชีวภาพที่อุดมด้วยแบคทีเรียที่ดีต่อพืช มีคุณสมบัติในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากและเพิ่มสารอาหารในดิน จึงทำให้ผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”
“เราเชื่อว่าถ้าเกษตรกรอยู่ดีมีสุข ธุรกิจของเราก็มั่นคงไปด้วย เราจึงดำเนินกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน ด้วยการดูแลเกษตรกรไทยกว่า 1,376 ครอบครัวในจังหวัดกำแพงเพชรและนครสวรรค์ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังแหล่งใหญ่ของประเทศไทยที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าของเรา เพื่อให้เกิดการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนทุกขั้นตอน”
นายโคะเฮ เน้นว่า การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจ “การขับเคลื่อนเกษตรยั่งยืน” ด้วยวิสัยทัศน์ “การเป็นพันธมิตรทางการเกษตรที่น่าเชื่อถือ” จึงมุ่งเน้นดำเนินการ 5 ด้าน ได้แก่ 1.การวิเคราะห์ดิน 2.การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน 3.การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยชีวภาพ 4.ห้องแล็ปแก้ปัญหาโรคใบด่างซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของมันสำปะหลัง และ5.การให้ความรู้เกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิต
โดยดำเนิน “โครงการ Thai Farmer Better Life Partner” เป็นโครงการหลัก เพื่อยกระดับความความอยู่ดีมีสุขให้กับเกษตรกร พร้อมสร้างวงจรเชิงบวกอย่างยั่งยืน ทั้งไร่มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ต่อยอดมาสู่ไร่กาแฟ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตกาแฟเบอร์ดี้ ภายใต้แนวคิด Ajinomoto Bio-cycle โดยนำเอาน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาต่อยอดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีกับสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้ แนะนำ และดูแลการรับซื้อในราคาเป็นธรรม และดำเนิน “โครงการ Green Coffee Bean (GCB) Farmer Sustainability” ด้วยการช่วยพัฒนาองค์ความรู้ ตั้งแต่การปลูกต้นกาแฟ การดูแล ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
นายเค็นจิ ฮะระดะ กล่าวทิ้งท้ายถึง การมุ่งนำ “ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน” (AminoScience) มาสร้างสรรค์นวัตกรรมเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ ด้วยการสร้าง Well-being หรือ การอยู่ดีมีสุข ตามยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน โดยนำ 4 หน้าที่หลักของกรดอะมิโน ได้แก่ 1) การปรุงรสชาติอาหารให้อร่อย 2) การนำสารอาหารไปสู่ร่างกาย 3) การส่งเสริมสุขภาพที่ดี และ 4) การตอบสนองที่นำไปสู่การสร้างฟังก์ชันใหม่ มาใช้ตามพันธกิจในการยืดช่วงอายุขัยของการมีสุขภาพดีให้กับผู้คนทั่วโลก
“กรดอะมิโน เป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ คือ ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ พร้อมต่อยอดไปถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ เช่น อะมิโนไวทัล (BCAAs) ที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อสำหรับนักกีฬาและผู้ที่รักการออกกำลังกาย และอะมิโนมอฟ (ลิวซีน) ซึ่งช่วยเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อและข้อต่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวในผู้สูงอายุ โดยยังคงมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยส่งเสริมความอยู่ดี มีสุขให้แก่ผู้คนทั่วโลกผ่านองค์ความรู้ด้านศาสตร์แห่งกรดอะมิโนของเรา”